จับสลากฟุตบอลโลก 2026 48 ชาติ จาก 12 กลุ่ม อาร์เจนตินา แชมป์เก่า เจองานไม่ยาก ขณะที่คู่เปิดสนาม เม็กซิโก พบ แอฟริกาใต้ วันที่ 11 มิถุนายนปีหน้า พร้อมเปิดบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจอย่างละเอียด
ผลการจับสลากฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก (3 เจ้าภาพร่วม) ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมี 48 ทีมชาติเข้าร่วม แบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม ดังนี้


กลุ่ม A
- เม็กซิโก (เจ้าภาพร่วม)
- แอฟริกาใต้
- เกาหลีใต้
- ผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรป D (เดนมาร์ก, มาซิโดเนียเหนือ, สาธารณรัฐไอร์แลนด์ หรือ เช็ก)
เกมนัดเปิดสนามที่ เอสตาดิโอ อัซเตกา จะพาเราย้อนเวลากลับไปปี 2010 เมื่อ เม็กซิโก เจ้าภาพร่วม ต้องดวลกับ แอฟริกาใต้ อีกครั้ง เหมือนนัดเปิดสนามที่ ซอคเกอร์ ซิตี้
ฮาเวียร์ อากีร์เร กุนซือจังโก้ เคยเป็นกองหน้าชุดที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพปี 1986 และตั้งเป้าพาทีมทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ ขณะที่ แอฟริกาใต้ ภายใต้การคุมทีมของ อูโก้ บรอส ผ่านเข้ารอบมาได้แบบมีโชคเล็กน้อย
เกาหลีใต้ มาฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 11 ติดต่อกัน ฮง มยอง-โบ กุนซือของพวกเขาเคยพาทีมคว้าอันดับ 4 ในปี 2002 ในฐานะนักเตะ ครั้งนี้เขาพาทีมผ่านรอบคัดเลือกมาแบบไร้พ่าย ส่วนทีมสุดท้ายในกลุ่มนี้ต้องรอลุ้นผู้ชนะเพลย์ออฟจากโซนยุโรป ระหว่าง เช็ก, เดนมาร์ก, นอร์ท มาซิโดเนีย หรือ ไอร์แลนด์

กลุ่ม B
- แคนาดา (เจ้าภาพร่วม)
- ผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรป A (อิตาลี, ไอร์แลนด์เหนือ, เวลส์ หรือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา)
- กาตาร์
- สวิตเซอร์แลนด์
แคนาดา เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 เจสซี มาร์ช คุมทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ นำโดย อัลฟอนโซ เดวีส์ และ โจนาธาน เดวิด งานหนักของพวกเขาขึ้นอยู่กับว่า อิตาลี จะผ่านเพลย์ออฟเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้หรือไม่
สวิตเซอร์แลนด์ ยังคงเป็นทีมจอมแกร่ง ผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ถึง 4 จาก 5 ครั้งหลังสุด กรานิต ชาก้า และ ริคาร์โด โรดริเกซ ลุ้นลงเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ส่วน กาตาร์ ได้อานิสงส์จากการเป็นเจ้าภาพรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบ 4 ทำให้ผ่านเข้ามาได้ด้วยผู้เล่นจากลีกในประเทศยกชุด ภายใต้การคุมทีมของ จูเลน โลเปเตกี
กลุ่ม C
- บราซิล
- โมร็อกโก
- เฮติ
- สกอตแลนด์
บราซิลยุคใหม่ กับความหวังของ สกอตแลนด์ – สำหรับทัพวิสกี้ห่างหายจากเวทีนี้ไป 28 ปี ครั้งสุดท้ายพวกเขาแพ้ บราซิล และครั้งนี้ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย ทั้งสองทีมโคจรมาเจอกันอีกครั้ง เป้าหมายของสกอตแลนด์คือการผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นครั้งแรก ไฮติ เข้ามาแทนที่ นอร์เวย์ แต่พวกเขาน่าจะมีกองเชียร์น้อยมาก เนื่องจากติดบัญชีดำห้ามเข้าเมืองของสหรัฐฯ
บราซิล ในยุค คาร์โล อันเชล็อตติ แม้ฟอร์มรอบคัดเลือกจะกระท่อนกระแท่น แพ้ถึง 3 นัดรวด แต่เขาก็เริ่มปรับจูนทีมได้ดีขึ้น ขณะที่ โมร็อกโก ทีมแกร่งจากแอฟริกาเหนือ ดูดีที่สุดในโซนเดียวกัน มีเกมรุกที่ดุดันและเกมสวนกลับที่น่ากลัว
กลุ่ม D
- สหรัฐ (เจ้าภาพร่วม)
- ปารากวัย
- ออสเตรเลีย
- ผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรป C (สโลวาเกีย, คอซูโว, ตุรกี หรือ โรมาเนีย)
สหรัฐอเมริกา พลิกสถานการณ์จากที่เคยย่ำแย่เมื่อปีก่อน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เข้ามาปรับจูนทีมจนไล่ถล่ม อุรุกวัย 5-1 ในเกมอุ่นเครื่อง พวกเขาจะประเดิมสนามพบ ปารากวัย ทีมที่เน้นเกมรับเหนียวแน่น ยิงได้น้อยเสียยาก
ออสเตรเลีย ชุดนี้อาจไม่มีซูเปอร์สตาร์ แต่ โทนี่ โปโปวิช พาทีมผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยใจสู้ โดยเฉพาะชัยชนะเหนือ ญี่ปุ่น และ ซาอุดีอาระเบีย ส่วนทีมสุดท้ายรอผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรป


กลุ่ม E
- เยอรมนี
- คูร์ราซาว
- ไอวอรีโคสต์
- เอกวาดอร์
เยอรมนีโฉมใหม่ และม้ามืดจากเอกวาดอร์ – “ขุนพลอินทรีเหล็กชุดปัจจุบัน” ไม่ใช่ปีศาจที่ใครต่างหวาดกลัวเหมือนในอดีต ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ปรับสไตล์การเล่นให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยความเปราะบางในเกมรับ เอกวาดอร์ คือม้ามืดที่น่าจับตามอง เกมรับแข็งแกร่งมาก เสียแค่ 5 ประตูในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้
ไอวอรี่โคสต์ กลับมาผงาดอีกครั้ง เอแมร์ส ฟาเอ กุนซือหนุ่ม พาทีมทำผลงานโหดในรอบคัดเลือก ยิง 25 ประตูโดยไม่เสียแม้แต่ลูกเดียว คูราเซา ประเทศที่เล็กที่สุดที่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้าย ทำให้กลุ่มนี้ดูเบาลงไปถนัดตา
กลุ่ม F
- เนเธอร์แลนด์
- ญี่ปุ่น
- ผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรป B (ยูเครน, สวีเดน, โปแลนด์ หรือ แอลเบเนีย)
- ตูนิเซีย
“ญี่ปุ่นสุดแกร่ง ดวล เนเธอร์แลนด์”
โรนัลด์ คูมัน พา เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบแบบไร้พ่าย แม้จะขาดสตาร์ดังคับฟ้าเหมือนอดีต แต่ เมมฟิส เดปาย มักโชว์ฟอร์มเก่งเสมอในสีเสื้อทีมชาติ พวกเขาต้องเปิดหัวกับ ญี่ปุ่น ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดที่สุดในเอเชีย ยิงกระจาย 54 ประตู และเสียแค่ 3 ลูก
ตูนีเซีย ผ่านเข้ารอบ 3 สมัยติดด้วยเกมรุกที่หลากหลาย มีคนทำประตูถึง 14 คนในรอบคัดเลือก หาก สวีเดน ฝ่าด่านเพลย์ออฟเข้ามาได้ เราจะได้เห็นรีแมตช์ประวัติศาสตร์ปี 1974 ที่ โยฮัน ครัฟฟ์ โชว์ลีลา “ครัฟฟ์ เทิร์น” อันลือลั่น

กลุ่ม G
- เบลเยี่ยม
- อียิปต์
- อิหร่าน
- นิวซีแลนด์
เบลเยียม-อียิปต์ ยุคผลัดใบ – ปีศาจแดงแห่งยุโรปภายใต้การคุมทีมของรูดี้ การ์เซีย ฟอร์มยังไม่นิ่ง บทจะดีก็ยิงเยอะ บทจะแย่ก็เสมอคาซัคสถาน ทางด้าน อียิปต์ ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้จะเป็นเจ้าแห่งแอฟริกา แต่ผลงานในฟุตบอลโลกมักไม่เปรี้ยง ครั้งนี้พวกเขาผ่านเข้ารอบมาได้แบบไม่แพ้ใคร
นิวซีแลนด์ ผ่านเข้ามาง่ายดายจากการการันตีโควตาโอเชียเนีย ส่วน อิหร่าน เจอปัญหาใหญ่เรื่องการเมือง เพราะอยู่ในบัญชีแบนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจสร้างปัญหาเรื่องการเดินทางและการขนส่งทีม
กลุ่ม H
- สเปน
- เคปเวิร์ด
- ซาอุดีอาระเบีย
- อุรุกวัย
สเปน เต็งหนึ่ง และขาลงของ อุรุกวัย
สำหรับพลพรรคกระทิงดุ แชมป์ยูโร คือทีมอันดับ 1 ของโลก หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต ผสมผสานสไตล์ครองบอลเข้ากับปีกความเร็วสูงได้อย่างลงตัว พวกเขาเป็นเต็งจ๋าของกลุ่ม ตรงข้ามกับ อุรุกวัย ที่ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย มีข่าวลือเรื่องความแตกแยกในแคมป์หลังแพ้สหรัฐฯ ยับเยิน

กลุ่ม I
- ฝรั่งเศส
- เซเนกัล
- ผู้ชนะเพลย์ออฟฟีฟา 2 (โบลิเวีย, ซูรินาเม หรือ อิรัก)
- นอร์เวย์
ศึกยักษ์ชนยักษ์ เอ็มบัปเป้ ปะทะ ฮาแลนด์ – คู่เอกของรอบแรกอยู่ที่ ฝรั่งเศส พบ นอร์เวย์ การดวลกันระหว่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทัพตราไก่มีขุมกำลังล้นเหลือ แต่ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ดูเหมือนจะยึดติดกับแท็กติกเน้นผลมากเกินไป จนลดทอนศักยภาพเกมรุก นอร์เวย์ เข้ารอบมาด้วยสถิติยิงสูงสุดในยุโรป 37 ประตู
เซเนกัล ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของแอฟริกา มีแดนกลางที่แข็งแกร่งและทำประตูได้ดี ส่วนทีมสุดท้ายรอผู้ชนะเพลย์ออฟ
กลุ่ม J
- อาร์เจนตินา
- แอลจีเรีย
- ออสเตรีย
- จอร์แดน
“อาร์เจนตินา” กวาดแชมป์เรียบใน 4 ปีหลัง ลิโอเนล สกาโลนี สร้างทีมที่ลงตัว คำถามเดียวคือ ลิโอเนล เมสซี่ ในวัย 39 ปี จะยังยืนระยะไหวหรือไม่ ออสเตรีย ของ ราล์ฟ รังนิค เป็นทีมที่เล่นสนุก ดุดัน น่าจะสร้างสีสันได้ดี จอร์แดน และ แอลจีเรีย เป็นอีกสองทีมร่วมกลุ่มที่ประมาทไม่ได้
กลุ่ม K
- โปรตุเกส
- ผู้ชนะเพลย์ออฟฟีฟา 1 (นิวแคลิโดเนีย, จาเมกา หรือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก)
- อุซเบกิสถาน
- โคลอมเบีย
คริสเตียโน โรนัลโด้ วัย 40 ปี จะลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่นอน โรเบอร์โต มาร์ติเนซ ยืนยันแล้ว แม้หลายฝ่ายมองว่าการมีเขาในสนามกลับทำให้ระบบทีมติดขัดก็ตาม อุซเบกิสถาน ได้ประโยชน์จากการเพิ่มทีม เข้ารอบมาได้ด้วยผลงานน่าประทับใจ โคลอมเบีย มี หลุยส์ ดิอาซ และ ฮาเมส โรดริเกซ เป็นตัวทีเด็ด



กลุ่ม L
- อังกฤษ
- โครเอเชีย
- กานา
- ปานามา
โธมัส ทูเคิ่ล รับงานคุม อังกฤษ ด้วยเป้าหมายเดียวคือ “แชมป์โลก” สิงโตคำรามผ่านรอบคัดเลือกแบบไม่เสียประตู ทูเคิ่ลมีทรัพยากรนักเตะเกมรุกให้เลือกใช้มากมาย ขอแค่ แฮร์รี่ เคน ฟิตสมบูรณ์ พวกเขาต้องเจอกับ โครเอเชีย คู่ปรับเก่า กานา และ ปานามา ดูจะเป็นงานที่ไม่ยากเกินไปสำหรับอังกฤษ
คู่เปิดสนาม เม็กซิโก พบ แอฟริกาใต้ วันที่ 11 มิถุนายน 2026
สำหรับฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย จะแข่งระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน – 19 กรกฎาคม 2026
ขอบคุณข้อมูล : เดอะ การ์เดี้ยน (The Guardian)

อ่านข่าวกีฬาประจำวันที่ 6 ธันวาคม 2025
- โรนัลโด้ ส่อชวดประเดิมบอลโลก หลังใบแดงแรกในนามทีมชาติทำพิษ
- บันทึกสถิติใหม่ “เมสซี” นำอินเตอร์ ไมอามี ถล่มนิวยอร์ก ซิตี้ 5-1 ลิ่วชิง MLS Cup
- ถ่ายทอดสด ฟุตบอลหญิง ซีเกมส์ 2025 ไทย พบ อินโดนีเซีย 4 ธ.ค. 68
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





