พรีเมียร์ลีก

สรุปผล พร้อมไฮไลท์ เอฟเอ คัพ 2020 รองก่อนรองชนะเลิศ พร้อมผลการจับสลากรอบ 4 ทีมสุดท้าย

สรุปผล พร้อมไฮไลท์ เอฟเอ คัพ 2020 รองก่อนรองชนะเลิศ พร้อมผลการจับสลากรอบ 4 ทีม

เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2019-2020 รอบก่อนรองชนะเลิศ

(คลิกที่ผลเพื่อชมไฮไลท์)

นอริช ซิตี้ 1-1 (1-2) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2 อาร์เซนอล
เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 เชลซี
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

27 มิถุนายน 2020

นอริช ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • นอริช ซิตี้: (GK) ทิม ครูล, อารอนส์, ก็อดฟรีย์, โคลเซ่, เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย, เต็ตเตย์, แม็คลีน, ลูอิส, ลูคัส รุพพ์, แคนท์เวลล์ และ ตีมู ปุ๊กกี้
  • แมนยู : (GK) โรเมโร่, ดาโลต์, ไบยี่, แม็คไกวร์, ชอว์, แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, มาต้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ลินการ์ด และ โอดิออน อิกาโล่

GOAL! นาที 51 ปีศาจแดง ได้ประตูขึ้นไปก่อนจากจังหวะที่ ลุค ชอว์ แหวกเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนเปิดยัดแล้วบอลชนกองหลังไปตั้งโด่งให้ อิกาโล่ หันกลับมาเจอบอลพอดี เจ้าตัวตัดสินใจดีดด้วยขวาผ่าน ทิม ครูล เข้าไปไม่พลาด สกอร์เป็น 1-0

GOAL! นาที 75 นอริช ซิตี้ มาตามตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะต่อบอลกันสวย เอร์นานเดซ ตัดบอลจากริมเส้นซ้ายเข้ากลางก่อนฝากไปที่ บูเอ็นเดีย ที่ไหลตั้งมาให้ แคนท์เวลล์ ตะบันไกลระยะ 25 หลาบอลพุ่งแรงหนีมือ เซร์คิโอ โรเมโร่ ตุงตาข่ายไปเลย

RED CARD! นาทีที่ 89 นกขมิ้นเหลืองอ่อน ไปพลาดท่าเสียใบแดง เมื่อ อิกาโล่ กำลังจะได้บอลหลุดเข้ากรอบเขตโทษไปแล้ว แต่ โคลเซ่ ตัดสินใจทำโปรเฟสชั่นแนล ฟาล์ว ทำให้กรรมการไม่มีทางเลือกชูใบแดงไล่ออกจากสนามไป ช่วงต่อเวลาพิเศษพวกเขาเล่นยากแน่

GOAL! นาที 118 ผีแดง มาได้ประตูชัยก่อนหมดเวลา 2 นาที จากจังหวะบอลขลุกขลิกในกรอบเขตโทษของ นอริชฯ แล้ว แม็คไกวร์ ที่ไปยืนค้ำหน้าอยู่ข้างหน้าเจอบอลไหลมาเข้าทาง ล้มตัวยิงผ่าน ครูล เข้าไปเลย ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้ารอบ 4 ทีมเป็นทีมแรก

MATCH REPORT ฉบับเต็ม

แม็กไกวร์ ฮีโร่ ! ไฮไลท์ เอฟเอคัพ นอริช 1-2 แมนยู, ผีหืดจับซัดท้ายเกมต่อเวลา

Embed from Getty Images

28 มิถุนายน 2020

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ อาร์เซนอล

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • เชฟฯ ยูไนเต็ด: (GK) เฮนเดอร์สัน, บาชัม, อีแกน, โรบินสัน, บัลด็อค, นอร์วูด, สตีเวนส์, ลุนด์สตรัม, เฟล็ค, แม็คโกลด์ริค และ แม็คเบอร์นีย์
  • อาร์เซนอล: (GK) มาร์ติเนซ, มุสตาฟี, ดาวิด ลุยซ์, เทียร์นีย์, เมตแลนด์-ไนลส์, ชากา, วิลล็อค, โคลาซินัช, เปเป้, บูกาโย่ ซาก้า และ อเลซองดร์ ลากาแซตต์

รูปเกมตั้งแต่ต้นจนจบเป็นของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แทบจะชัดเจน อาร์เซนอล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ได้แต่หาจังหวะสวนกลับเท่านั้น

PENALTY! นาทีที่ 23 คีแรน เทียร์นีย์ จ่ายยัดให้ ลากาแซตต์ บริเวณตรงเส้นกรอบเขตโทษ คริส บาแชม ไปเข้าพรวดพราดจากข้างหลังทำให้ ลากา ล้มลงไป ผู้ตัดสินคิดชั่วครู่ ก่อนเป่าให้เป็นลูกจุดโทษ

GOAL! นาทีที่ 25 นิโกลาส์ เปเป้ หยิบบอลมาตั้ง ก่อนวิ่งเข้ามาซัดไปทางขวามือของตัวเอง ดีน เฮนเดอร์สัน พุ่งช้าเหินไปหาบอลไม่ทัน อาร์เซนอล ขึ้นนำ 1-0 แม้รูปเกมจะเป็นรองมากก็ตาม

GOAL! นาทีที่ 87 จากจังหวะทุ่มไกลทางซ้ายเข้ากรอบเขตโทษของ เชฟฯ ยูเซอัด โคลาซินัช ไปเตะสกัดอัด มุสตาฟี่ แบบงงๆ บอลไปเข้าทาง แม็คโกล์ดริค ยิงจ่อๆ มาร์ติเนซ หมดสิทธิ์รับ เชฟฯ ยู ตีเสมอ

GOAL! นาทีที่ 90+1 “เดอะ กันเนอร์ส” ที่นานๆ ได้เล่นเกมสวนกลับขึ้นมาคราวนี้ บูกาโย่ ซาก้า จ่ายออกซ้ายให้ เอ็นเคเทียห์ ก่อนที่ เอ็ดดี้ จะป้ายออกขวาให้ เปเป้ หาจังหวะยิงไม่ได้ กลายเป็น เซบาญอส สอดขึ้นมาล่อเป้าผ่านตัว เฮนเดอร์สัน เข้าไปสวยงาม อาร์เซนอล พลิกขึ้นนำด้วยสกอร์ 2-1!!!!!

MATCH REPORT ฉบับเต็ม

‘เซบาญอส’ ทดเจ็บ! ไฮไลท์ เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-2 อาร์เซนอล : เอฟเอคัพ – ปืนโดนทั้งเกมยังชนะ

Embed from Getty Images

เลสเตอร์ ซิตี้ พบ เชลซี

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • เลสเตอร์ ซิตี้: (GK) ชไมเคิล, จัสติน, อีแวนส์, โซยุนชู, ชิลเวลล์, เอ็นดิดี้, แพรท, ตีเลอมองส์, เปเรซ, บาร์นส์ และ เจมี่ วาร์ดี้
  • เชลซี: (GK) กาบาเญโร่, เจมส์, รูดิเกอร์, ซูม่า, เอเมอร์สัน, ก็องเต้, กิลมอร์, วิลเลี่ยน, เมาท์, พูลิซิช และ แทมมี่ อับราฮัม

เกมในช่วงครึ่งเวลาแรก เลสเตอร์ ซิตี้ หาโอกาสบุกได้จะแจ้งกว่า ในขณะที่ เชลซี แทบจะไม่สามารถครองเกมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหนู บิลลี่ กิลมอร์ ดาวรุ่งคนโปรดของแฟนสิงห์บลูส์ วันนี้ตื่นสนามชัดเจน

ช่วงท้ายครึ่งแรก เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูที่ต้องการ หลัง เจมี่ วาร์ดี้ หลุดเดี่ยวเข้าไป แล้วเอี้ยวตัวยิงไม่ถนัดมาก บอลผ่านมือ วิลลี่ กาบาเญโร่ ไปแล้วแต่ว่าหลุดเสาออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

ครึ่งหลัง “ซูเปอร์แฟรงค์” แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดสินใจเปลี่ยนรวดเดียวถึง 3 คน โดยส่งทั้ง บาร์คลีย์ โควาซิช และ อัซปิลิกวยต้า ลงสนามมาแทน เมาท์, กิลมอร์ และ รีซ เจมส์

GOAL! นาทีที่ 63 จังหวะด้านขวาของ วิลเลี่ยน บอลลอยมาตกตรงแนวรับของ เลสเตอร์ ซิตี้ แล้วกลายเป็น รอสส์ บาร์คลีย์ สอดเข้ามายิงทำให้ เชลซี ขึ้นนำ 1-0 การเปลี่ยนตัวของ แลมพ์ เห็นผลแล้ว

ช่วงเวลาที่เหลือ จิ้งจอกสยาม พยายามจะทวงประตูคืน แต่ก็ทำไม่ได้ ทำให้จบเกม เชลซี เฉือนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ คาบ้าน 1-0 ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

Embed from Getty Images

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด : (GK) ดาร์โลว์, มานกีโย, ชาร์, ลาสเซลส์, เฟร์นานเดซ, โรส, ลองสตาฟฟ์, เฮย์เดน, แซงต์-มักซิแม็ง, แคร์โรลล์ และ มิเกล อัลมิรอน
  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : (GK) บราโว่, วอล์คเกอร์, โอตาเมนดี้, ลาปอร์กต์, เมนดี้, เดอ บรอยน์, กุนโดกัน, ดาบิด ซิลบา, มาห์เรซ, เฆซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง

นาที 24 “เดอะ ซิติเซ่นส์” น่าได้สุดๆ จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ ลองหวดหน้าเขตโทษ บอลแฉลบไปเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิง พยายามจะกระดกบอลข้ามตัว ดาร์โลว์ แต่นายทวารเจ้าบ้านยังเซฟไว้ได้

GOAL! นาที 37 แมนฯ ซิตี้ ได้จุดโทษจากจังหวะที่ครอสบอลเข้าไปแล้ว กาเบรียล เฆซุส โดนผลักล้มลงในกรอบเขตโทษ เควิน เดอ บรอยน์ รับหน้าที่สังหารไม่เหลือพา แมนฯ ซิตี้ ออกนำ 1-0 แถมประตูดังกล่าว ยังเป็นประตูฉลองวันเกิดครบรอบ 29 ปี ของเจ้าตัวอีกด้วย

ช่วงท้ายครึ่งแรก สาลิกาดง พยายามบุกขึ้นมาลุ้นทำประตู แซงต์-มักซิแม็ง จ่ายให้ ลองสตาฟฟ์ แต่งเข้าเท้าขวา ลองตะบันหน้ากรอบเขตโทษ แต่ทิศทางก็ยังไม่แม่นพอ เลี้ยวออกเสาแรกไป

นาที 67 สตีฟ บรูซ นายใหญ่ของ นิวคาสเซิล พยายามแก้เกมด้วยการส่ง โชเอลินตอน และ ไดวท์ เกย์ล ลงสนามมาแทน แอนดี้ แคร์โรลล์ และ อัลมิรอน ซึ่งแทบไม่มีโอกาสทำประตูเท่าไหร่นัก

GOAL! นาที 68 ช็อตนี้ต้องบอกว่าโคตรคม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รับบอลทางซ้าย ก่อนเลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษ โยกเข้าขวาลูกถนัด แล้วปั่นโค้งๆ บอลกระดอนเสียบเสาไกล แมนฯ ซิ นำเพิ่มเป็น 2-0

ช่วงท้ายเกม แมนฯ ซิตี้ เกือบฝังจาก ฟิล โฟเดน แต่ก็ยังไม่เป็นประตู หมดเวลา 90 นาที เรือใบสีฟ้า เอาชนะ นิวคาสเซิลฯ แบบสบายเท้า 2-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมสุดท้าย

MATCH REPORT ฉบับเต็ม

เจอนอลตามนัด! ไฮไลท์ เอฟเอคัพ นิวคาสเซิล 0-2 แมนซิตี้, KDB-หนูหริ่งซัด

Embed from Getty Images

 

สำหรับการจับสลากรอบรองชนะเลิศ (รอบ 4 ทีมสุดท้าย) ผลปรากฏว่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะฟาดแข้งกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ขณะที่อีกคู่หนึ่ง “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จับติ้วไปเจอ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจะลงเตะในวันที่ 19 กรกฎาคม

Image

ภาพจาก Twitter @EmiratesFACup

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button