Surface รุ่นล่าสุดนี้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายและเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งยังจะช่วยให้ผู้คนสามารถทำงาน เรียนรู้ เชื่อมต่อและเพลิดเพลินได้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม
คุณชนิกานต์ โปรณานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและปฏิบัติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัดกล่าวว่า “เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่จะนำเสนอ Surface ใหม่ในประเทศไทย เพราะในสถานการณ์ปัจจุบัน อุปกรณ์ของเราเปรียบเสมือนอุปกรณ์ที่จะพาทุกคนเชื่อมต่อกับทุกกิจกรรมได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศ ในโรงเรียนและโลกโซเชียล เราต้องการมั่นใจว่าทุกคนและทุกองค์กรสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่พวกเขาต้องใช้ในการทำงานนั้นเชื่อมต่ออยู่เสมอและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ เป้าหมายของเราคือการออกแบบ Surface เพื่อทุกคน ให้ทำงานได้ทุกรูปแบบและทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพื่อที่จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ทุกโหมดเมื่อต้องการ ทั้งเพื่อการทำงานและความเพลิดเพลิน”
Surface Go 2 ใหม่ ยังคงความเบาบางไว้เหมือนเดิม ดีไซน์เหมาะมือเช่นเคย โดยในปัจจุบันมีการปรับหน้าจอPixelSense ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 10.5 นิ้ว อายุการใช้งานแบตเตอรีที่ยาวนานมากขึ้น และโมเดลที่มีประสิทธิภาพเร็วกว่าเดิมมากถึง 64% ที่มาพร้อมกับตัวเลือก Intel® 8th Generation Core™ M อีกทั้ง Surface Go 2 ยังมาพร้อม WiFi ในตัว รวมถึงตัวเลือก LTE Advanced ซึ่งจะมอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
Surface Go 2 ยังมี Studio Mics และไมโครโฟนคู่เพื่อเพิ่มความชัดเจนของเสียงและลดเสียงรบกวนสำหรับการประชุม Teams กล้องหน้า 5MP ซึ่งทำให้วิดีโอมีความคมชัดแม้จะมีแสงน้อย กล้องหลังยังมีแอปพลิเคชัน กล้องตัวใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถสแกนเอกสารและ Whiteboard ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะแชร์โน้ตจากการประชุมหรือส่งงาน
เมื่อจับคู่กับ Surface Pen แล้ว Surface Go 2 ยังช่วยให้ผู้ที่เรียนจากทางไกลและพนักงานที่ทำงานจากทางไกลใช้อุปกรณ์ดิจิทัลได้เยี่ยมขึ้นอีก ด้วยการปลดล็อกความสามารถของการใช้หมึกเสมือนอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อวาดแผนภาพ ทำสัญลักษณ์ไว้ที่เอกสารหรือคิดคำนวณสมการ นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่ง Surface Go ด้วย Type Covers และอุปกรณ์เสริม[3] ที่มีหลากหลายสีสัน ทั้งสีแพลทตินัม ดำ แดงป๊อปปี้เรดและฟ้าไอซ์บลู
| Surface Go 2 | ราคาสำหรับลูกค้าทั่วไป | ราคาสำหรับลูกค้าองค์กร |
| Intel® Pentium® Gold, 4GB RAM, 64GB eMMC | 14,999 | N/A |
| Intel® Pentium® Gold, 8GB RAM, 128GB SSD WiFi | 19,999 | N/A |
| 8th Gen Intel® Core m3, 4GB RAM, 64 eMMC WiFi | N/A | 19,900 |
| 8th Gen Intel® Core m3, 8GB RAM, 128GB SSD | N/A | 25,900 |
| 8th Gen Intel® Core m3, 8GB RAM with LTEm3/8/128 LTE | 25,999 | 29,900 |
| 8th Gen Intel® Core m3, 8GB RAM with LTEm3/8/256 LTE | N/A | 33,900 |
มอบพลังความสามารถของเดสก์ท็อป ความหลากหลายของแท็บเล็ตและความอิสระในการใช้งานแล็ปท็อปที่บางและเบาให้กับผู้ใช้งาน Surface Book 3 มีขนาด 13.5 นิ้วและ 15 นิ้ว Surface Book 3 ขนาด 15 นิ้ว จะมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 50% และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 17.5 ชั่วโมง[4] PixelSense Display ความละเอียดสูงและคมชัด แทร็คแพดที่แม่นยำและราบรื่น คีย์บอร์ดที่ใช้งานได้สะดวกสบายและพอดีกับมือและประสิทธิภาพของ CPU Intel® 10thGeneration Core™ และตัวเลือกของ NVIDIA ที่แยกจาก GPU
สำหรับผู้ใช้งานที่เป็นนักพัฒนา ในปัจจุบัน Surface Book 3 มาพร้อม RAM 32GB และ SSD ที่เร็วที่สุดที่เคยมีมา สำหรับผู้ใช้งานที่เป็นเกมเมอร์ Surface Book 3 ขนาด 15 นิ้ว มี NVDIA GeForce GPU พร้อมสมรรถนะที่มากพอสำหรับการเล่นXbox Game Pass[5] ที่เป็นที่นิยมสำหรับ PC[6] ที่ 1080p ใน 60 เฟรมต่อวินาที และมีตัวเลือก NVIDIA Quadro RTX 3000[7] สำหรับลูกค้าฝั่งภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยขึ้นไป
| Surface Book 3 (13.5″) | ราคาสำหรับลูกค้าทั่วไป | ราคาสำหรับลูกค้าองค์กร |
| 10th Gen Intel® Core i5, 8GB RAM, 256GB SSD (Intel® Iris™ Plus Graphics) | 54,900 | 62,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 16GB RAM, 256GB SSD (NVIDIA GeForce GTX 1650 with Max-Q Design w/4GB GDDR5 graphics memory) | 70,900 | 78,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 32GB RAM, 512GB SSD (NVIDIA GeForce GTX 1650 with Max-Q Design w/4GB GDDR5 graphics memory) | 88,900 | 95,900 |
| Surface Book (15″) | ราคาสำหรับลูกค้าทั่วไป | ราคาสำหรับลูกค้าองค์กร |
| 10th Gen Intel® Core i7, 16GB RAM, 256GB SSD (NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti with Max-Q Design w/6GB GDDR6 graphics memory) | N/A | 86,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 32GB RAM, 512GB SSD (NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti with Max-Q Design w/6GB GDDR6 graphics memory) | 95,900 | 104,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 32GB RAM, 1TB SSD (NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti with Max-Q Design w/6GB GDDR6 graphics memory) | 105,900 | 113,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 32GB RAM, 512GB SSD (NVIDIA Quadro RTX™ 3000 with Max-Q Design w/6GB GDDR6 graphics memory) | N/A | 126,900 |
| 10th Gen Intel® Core i7, 32GB RAM, 1TB SSD (NVIDIA Quadro RTX™ 3000 with Max-Q Design w/6GB GDDR6 graphics memory) | N/A | 135,900 |
Surface Dock 2
จัดสรรที่สุดของมุมทำงานด้วย Surface Dock 2 แท่นเชื่อมต่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับหลากหลายอุปกรณ์ได้ง่ายๆ ในแบบแม่เหล็ก โดยแท่นเชื่อมต่อยังมาพร้อมความสามารถเรื่องการชาร์จเร็ว โอนถ่ายข้อมูลได้เร็ว และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการงานระดับองค์กรที่ตอบโจทย์ในสิ่งที่หลายคนต้องการ
นอกจากนั้น Surface Dock 2 ยังมีพอร์ทเชื่อมต่อ Microsoft USB-C ใหม่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานให้เชื่อมต่อกับเน็ทเวิร์ค และใช้งานกับอุปกรณ์ที่เป็นพอร์ต USB-C ได้สะดวกยิ่งขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยจะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยในเดือนมิถุนายน
อุปกรณ์เสริม PC ของไมโครซอฟท์
ชุดอุปกรณ์เสริมใหม่ทั้ง 2 อย่างของไมโครซอฟท์ ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่ยังต้องการความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานและความสะดวกสบาย ไม่ว่าออฟฟิศจะอยู่ที่ใด
Microsoft Ergonomic Desktop ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของมนุษย์ เพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าและมอบความสะดวกสบายอันเหนือชั้นและควบคุมด้วยคีย์บอร์ดที่แยกออกจากกันเพื่อรองรับการพักฝ่ามือและเมาส์ที่มีความแม่นยำเป็นพิเศษ พร้อมด้วยตัวรองรับนิ้วหัวแม่มือ
Microsoft Bluetooth Desktop มอบคีย์เซทขนาดเต็มรูปแบบด้วยการดีไซน์ที่บางและทันสมัยและเมาส์ดีไซน์สวยงามและกะทัดรัด และพอดีพอเหมาะกับมือของคุณ
สถานที่จำหน่ายและราคา
Surface Go 2, Surface Book 3 พร้อมสำหรับพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายฝั่งลูกค้าธุรกิจ:
และร้านค้าปลีกสำหรับลูกค้าทั่วไป:
Banana IT, IT City, JIB, Lazada-Microsoft flagship store และ Shopee-Microsoft Authorized Store
สำหรับ Surface Go 2 จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2563 และ Surface Book 3 จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2563
