วิธีใช้ Adobe Firefly โปรแกรมสร้างสรรค์รูปภาพด้วย AI เพียงใช้แค่ปลายนิ้ว และความคิดสร้างสรรค์ เปลี่ยนทุกจินตาการให้ออกมาในรูปแบบภาพจริง (มีเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้ว)
ในยุคปัจจุบัน การแข่งขันของ AI แต่ละค่ายเริ่มทวีความดุเดือดขึ้นมาก หลังจากที่ Midjourney โปรแกรมวาดภาพเสมือนได้ปล่อยออกมา เพียงแค่พิมพ์คีย์เวิร์ดและรายละเอียดที่ต้องการ ก็ได้รูปภาพที่ราวกับถอดมาจากจินตนาการของคุณมาแบบเป๊ะ ๆ จกนั้นมาหลายค่ายใหญ่ก็เริ่มทยอยเปิดตัวนวัตกรรม AI สุดเจ๋งออกมาตีตลาดกันให้ควัก
ล่าสุดเจ้าตลาดอย่าง Adobe เองก็ขอท้าชนตลาด AI วาดภาพด้วยเช่นกันปล่อยโปรแกรม Firefly ออกมาปะทะกับ Midjourney เรียบร้อย มีวิธีใช้ยังไง แตกต่างและมีจุดเด่นจากคู่แข่งอย่างไรมาบ้าง ตามมาดูกันเลย ขอบอกว่าตอนนี้เขาปล่อยเวอร์ชั่นภาษาไทยออกมาให้ใช้งานแล้วด้วยนะ
รู้จัก Adobe Firefly คืออะไร ?
ตามคำอธิบายของ Adobe กล่าวว่า Adobe Firefly คือ “ตระกูลของโมเดล AI ที่สร้างสรรค์” รวมถึงยังเป็นเครื่องมือ Text to image และ Text effects และการเพิ่มเวกเตอร์ Recolor ที่กำลังจะปล่อยอัปเดตต่อไป กล่าวง่าย ๆ Firefly เป็นหนึ่งในโปรแกรมสร้างรูปโดย AI ที่สร้างขึ้นตามข้อความคำสั่งของมนุษย์
Firefly เป็นชุดเครื่องมือบนเบราว์เซอร์มีตัวสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ AI และตัวแปลงจากข้อความเป็นรูปภาพ (คล้าย Midjourney) มีจุดประสงค์เพื่อฝังลงในแอปพลิเคชัน Adobe Creative Cloud เช่น Photoshop ในอนาคต
แม้ว่าในปัจจุบันตลาด AI วาดภาพจะมีทั้ง DALL-E 2 และ Stable Diffusion ที่สามารถพิมพ์ข้อความและเจเนอเรตออกมาเป็นรูปภาพได้ แต่ Adobe อ้างว่า Firefly นั้นจะมีประสิธืภาพมากกว่า 2 แอปก่อนหน้าถึงเท่าตัว ออกแบบมาเพื่อ “นำเสนอวิธีใหม่ ๆ ในการคิด สร้างสรรค์ และการสื่อสาร”
วิธียื่นขอ Request access เพื่อใช้ Firefly (Beta)
ณ ตอนนี้ (23 มี.ค. 66) Firefly ยังอยู่ในรุ่น Beta ซึ่งยังคงจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้งาน ทำให้ต้อง “Request access” ให้ทาง Adobe อนุมัตก่อนถึงจะสามารถเข้าใช้งานได้
1. ไปที่หน้าเว็บ Adobe Firefly เลือกคำสั่ง Request access มุมขวาบน
2. กรอกข้อมูลชื่อ อีเมล และจุดประสงค์ในการเข้าใช้โปรแกรม Firefly
3. กด Request access แล้วรอทาง Adobe ตอบกลับผ่านทางอีเมล
วิธีใช้ Adobe Firefly AI
หลังจากได้รับการอนุมัติจาก Adobe สามารถกดเข้าใช้งานได้ตามวิธีดังต่อไปนี้
1. เข้ามาที่กน้าเว็บ Adobe Firefly หรือ firefly.adobe.com
2. เลือกเมนูย่อยเพื่อให้ AI ประมวลผลเป็นภาพที่ตรงตามความต้องการที่สุด
- Inpainting (จิตรกรรม)
- Personalized results (เลือกรูปจากคลัง)
- Text to vector (ตัดภาพเป็น Vactor หรือ png.)
- Extend image (ขยายภาพ)
- 3D to image (ทำร่าง 3 มิติเป็นภาพจริง)
- Text to pattern (รูปแบบข้อความ)
- Text to brush (แปรงทาสีเฉพาะจุด)
- Sketch to image (เปลี่ยนภาพร่างเป็นภาพเสมือน)
- Text to template (สร้างรูปแบบข้อความ)
3. พิมพ์ข้อความ และรายละเอียดที่ต้องการให้ AI ประมวลผล (ยิ่งละเอียดยิ่งดี) จากนั้นคลิก Generate
4. เมื่อ AI ประมวลผลออกมาได้รูปแล้ว เราสามารถประแต่งขนาด โทนสี และสไตล์ของภาพได้ตั่งต้องการ อีกทั้งหากอยากเพิ่มอะไรลงไปในภาพ ก็เพียงแค่พิมพ์ตาม ข้อ 3 ก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องสร้างรูปใหม่
ทั้งนี้ Adobe Firefly อยู่อยู่ในช่วงแรกของการเปิดตัว และเปิดให้เข้าใช้ฟรีอยู่ในรุ่น Beta สำหรับราคา และวันเวลาวางจำหน่ายในเวอร์ชั่นตัวเต็มนั้น ยังคงต้องรอทางฝั่ง Adobe ประกาศในเฟสต่อไปซึ่งคาดว่าน่าจะถูกจัดมาให้อยู่กับโปรแกรม Creative Cloud ที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่เดือนละ 2,020.16 บาท/เดือน
