ข่าวต่างประเทศ

“ฮุน มาเนต” ร่ายยาว กัมพูชาหยุดยิงไม่ได้แปลว่ายอมแพ้ เป็นการแสดงแนวทางสันติ

ฮุน มาเนต โพสต์ร่ายยาว กัมพูชาหยุดยิงไม่ได้แปลว่ายอมแพ้หรือยอมแลกอธิปไตย แต่เป็นแสดงแนวทางสันติ ย้ำตำแหน่งตอนนี้ไม่ได้เป็นการกำหนดเขตแดน

นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กร่ายยาวระบุว่า “ขอส่งถึงพี่น้องวีรกองทัพ และวีรตำรวจผู้กล้าหาญทุกท่าน ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมชาติ อันเป็นที่เคารพและรักใคร่อย่างสุดซึ้งยิ่ง

วันนี้ ในนามหัวหน้าราชการแผ่นดิน ข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอส่งสารฉบับหนึ่งถึงพี่น้องประชาชนร่วมชาติทุกคน ในห้วงเวลาที่มาตุภูมิกัมพูชาอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ได้และกำลังเผชิญโศกนาฏกรรมแห่งสงครามรุกราน ภายหลังจากที่ประเทศได้รับสันติภาพอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1998

กัมพูชาได้ผ่านพ้นกองไฟแห่งสงครามมาอย่างยาวนานนับร้อยปี รวมถึงระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งทำให้ประชาชนกัมพูชาทุกคนได้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของคำว่า “สันติภาพ” และในห้วงเวลานี้ เรามิได้ปรารถนาสิ่งใดอื่น นอกจากสันติสุข และโอกาสในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

ในความหมายนี้ กัมพูชาให้คุณค่าสูงสุดต่อ “สันติภาพและการพัฒนา” และกัมพูชายังคงสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงต่าง ๆ ที่กัมพูชาได้ยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎบัตรอาเซียน เพื่อเป้าหมายในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในเชิงบวก กับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ในภูมิภาค หรือทั่วโลก

ด้วยจิตวิญญาณดังกล่าว ราชการแผ่นดินกัมพูชายึดมั่นมาโดยตลอดในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และยังคงพยายามเจรจาในทุกรูปแบบ เพื่อยุติการเผชิญหน้าด้วยอาวุธ และกลับไปสู่การแก้ไขปัญหาเขตแดนผ่านกลไกทางเทคนิคและกรอบกฎหมายที่มีอยู่

ภายหลังจากความพยายามในการเจรจาด้วยความอดทนอย่างสูงสุด กัมพูชาและไทยได้ตกลงร่วมกันดำเนินการตาม “ข้อตกลงหยุดยิงทันที ณ ที่ตั้งเดิม” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2025 เป็นต้นไป

การตัดสินใจเลือกใช้การหยุดยิงนี้ มิได้มีความหมายว่ากัมพูชายอมแพ้ หรือยินยอมแลกอธิปไตยแห่งดินแดนกับสันติภาพ และยิ่งมิได้หมายความว่ากัมพูชาขาดความสามารถ หรือสละสิทธิในการป้องกันตนเองแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า กัมพูชาได้เลือกยึดแนวทางแห่งสันติภาพ และการคุ้มครองชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นลำดับความสำคัญสูงสุดและสำคัญยิ่งของตน แม้ว่าจะต้องเผชิญแรงกดดันหรือความยากลำบากเพียงใดก็ตาม

แม้ว่าเราจะยังสามารถต้านทานและต่อสู้ต่อไปได้ แต่ในฐานะประเทศขนาดเล็ก เรามิได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการยืดเยื้อของการสู้รบนี้

ในเวลานี้ ประชาชนผู้ลี้ภัยมากกว่าครึ่งล้านคน กำลังเฝ้ารอวันที่จะได้กลับสู่บ้านเรือนของตน เด็กนับพันคนกำลังรอวันที่จะได้กลับเข้าสู่ห้องเรียน และครอบครัวของทหารและตำรวจอีกนับพัน กำลังเฝ้ารอพ่อ สามี ลูก ลุง ป้า พี่ หรือน้อง ของพวกเขา จากสมรภูมิอย่างกระวนกระวายใจ

ดังนั้น ขณะที่ยังมีความเป็นไปได้ในการแสวงหาทางออกของข้อพิพาทเขตแดนด้วยสันติวิธี ราชการแผ่นดินจึงได้ตัดสินใจเลือกการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามรุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและความทุกข์โศกของพี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด และเพื่อยุติการเสียสละชีวิตและการบาดเจ็บของวีรกองทัพ วีรตำรวจ ตลอดจนประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 32 ราย และบาดเจ็บ 93 ราย

ในความเป็นจริง “การหยุดยิงทันที ณ ที่ตั้งเดิม” หมายความว่า กำลังทหารของทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง โดยรักษากำลังอยู่ ณ ที่ตั้งประจำการของตนในเวลาที่เริ่มมีผลบังคับใช้

ในประเด็นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอย้ำอย่างหนักแน่นว่า การคงกำลังอยู่ ณ ที่ตั้งจริงในช่วงเวลาที่เริ่มหยุดยิงนั้น ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่ายว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศแต่อย่างใด

ประเด็นนี้เป็นข้อเรียกร้องที่ราชการแผ่นดินกัมพูชาได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนใน “แถลงการณ์ร่วมของการประชุมพิเศษคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ลงวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2025

พร้อมกันนี้ ภายใต้การยืนยันอย่างชัดเจนว่า ข้อตกลงที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการหยุดยิงนี้ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อกระบวนการวัดและปักปันเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศ ภาคีทั้งสองได้ตกลงร่วมกันมอบหมายให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมภาคพื้นดิน (JBC) กลับมาดำเนินการโดยเร็ว ในการวัดและปักปันเส้นเขตแดน ตามข้อตกลงที่มีอยู่แล้วระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ และเคยเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนพลเรือน เพื่อประกันให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืนตลอดแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ

เงื่อนไขของการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงนี้ ยังเปิดทางให้พี่น้องผู้ลี้ภัยซึ่งมีที่อยู่อาศัยตามแนวชายแดน สามารถเดินทางกลับไปยังบ้านเรือนของตนได้โดยปราศจากอุปสรรค และด้วยความปลอดภัย พร้อมทั้งมีศักดิ์ศรี ในพื้นที่ของตนเองด้วย

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอถือโอกาสแจ้งให้พี่น้องประชาชนร่วมชาติทราบว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้มีคำสั่งแนะนำไปยังกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวง–สถาบันที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการจัดเตรียมและกำหนดพื้นที่ซึ่งมีความปลอดภัยเพียงพอ พร้อมทั้งจัดการประสานงาน เพื่อให้พี่น้องผู้ลี้ภัยของเรา สามารถเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาของตนได้โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะสามารถดำเนินการได้

สำหรับพื้นที่ที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางกลับโดยปลอดภัย ราชการแผ่นดินจะดำเนินการแสวงหาแนวทางแก้ไขเฉพาะหน้า สำหรับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

อีกประการหนึ่ง ตามเงื่อนไขของแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ ภายหลังจากการหยุดยิงได้ถูกปฏิบัติอย่างครบถ้วนเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมงแล้ว ทหารกัมพูชาจำนวน 18 นาย จะได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับสู่กัมพูชา ทั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของแถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งได้ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2025

เพิ่มเติมจากนี้ แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ยังได้เน้นย้ำถึงคำมั่นร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ในการเดินหน้าส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือในลำดับความสำคัญอื่น ๆ ต่อไป โดยอาศัยกลไก และการปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้อยู่

ในความหมายนี้ แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้จึงเป็นการสานต่อการดำเนินการตามสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันมาก่อนแล้ว ซึ่งรวมถึง แถลงการณ์ข่าวร่วมว่าด้วยการหยุดยิง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 และแถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2025 ตลอดจนเอกสารข้อตกลงอื่น ๆ ที่ได้บรรลุผลภายใต้กรอบข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้อยู่ทั้งหมดระหว่างกัมพูชาและไทย

ในนามหัวหน้าราชการแผ่นดินกัมพูชา ข้าพระพุทธเจ้าขอถือโอกาสนี้ แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อประเทศมิตรและประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหลาย ภายใต้การประสานงานของประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งได้ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการนี้ตั้งแต่ต้น

กล่าวคือ ตั้งแต่การจัดเตรียมข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน

ข้าพระพุทธเจ้ายังขอเน้นย้ำอีกประการหนึ่งว่า กัมพูชายึดมั่นในการปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการหยุดยิงนี้อย่างครบถ้วน และด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งขอต้อนรับการมีส่วนร่วมของประเทศมิตรและประชาคมระหว่างประเทศ ในการสนับสนุนการประกันให้การปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ เป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างบทบาทของ ผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ของมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงนี้

ในนามหัวหน้าราชการแผ่นดินกัมพูชา และในนามของปวงชนชาวกัมพูชาผู้หนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ สมเด็จพระราชินี พระบรมราชมารดาแห่งชาติชาวกัมพูชา ซึ่งโดยสม่ำเสมอ พระองค์ทั้งสองได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้การสนับสนุนแก่ราชการแผ่นดิน ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติและมาตุภูมิ และทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ใจอย่างสูงสุด ต่อสุขทุกข์ของพสกนิกรพระองค์ ในทุกห้วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในขณะนี้

ข้าพระพุทธเจ้าใคร่ขอแสดงความสำนึกในคุณูปการอย่างสุดซึ้งที่สุด ต่อการเสียสละอันประเมินค่ามิได้ ของวีรกองทัพ และวีรตำรวจผู้กล้าหาญทุกนาย ในการปฏิบัติภารกิจอันทรงเกียรติสูงสุด ในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยแห่งชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดน

พร้อมกันนี้ ข้าพระพุทธเจ้ายังใคร่ขอแสดงความชื่นชม และขอบคุณอย่างลึกซึ้งที่สุด ต่อจิตวิญญาณแห่งความรักชาติ และความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ของพระสงฆ์ทุกพระองค์ และพี่น้องประชาชนทุกคน จากทุกสารทิศ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

คุณูปการเหล่านี้ ล้วนมีคุณค่าสูงส่งเหนือสิ่งใดทั้งสิ้น และจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ สำหรับประชาชนกัมพูชาทุกคน และทุกชั่วอายุคน

ความยากลำบาก และการเสียสละด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ของวีรชนของเราบนสมรภูมิ คือเครื่องเตือนใจให้เราไม่อาจลืมได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวว่า “แตกแยก คือ ความตาย สามัคคีเข้มแข็ง คือ ความอยู่รอด”

ดังนั้น สอดคล้องกับสุภาษิตโบราณที่ว่า “ไม้หนึ่งมัด ไม่อาจหักได้” เราจึงต้องใช้ความยากลำบากในห้วงเวลานี้ เป็นโอกาสในการหลอมรวมให้ชาวกัมพูชาทุกคน จับมือร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างชาติของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และดียิ่งขึ้น มีความมั่นคงทนทานยิ่งขึ้น ภายใต้ร่มพระบารมีอันร่มเย็นขององค์พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของพวกเรา

อีกครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แห่งสงครามอันเจ็บปวดของกัมพูชา ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สงครามไม่อาจยุติลงได้ด้วยสงคราม

มีเพียงการเลือกแนวทางแก้ไขปัญหา ที่ตั้งอยู่บนหลักกฎหมาย ดำเนินไปด้วยสันติวิธี และความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น ที่จะสามารถยุติสงครามได้ และสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต ความเจ็บปวด และความทุกข์โศก ของพี่น้องประชาชน

ข้าพระพุทธเจ้ายังมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่น้องประชาชนของเรา จากทุกภาคส่วน และทุกสารทิศ จะยังคงมอบความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ให้แก่ราชการแผ่นดิน และร่วมรวมพลังสามัคคีกัน ภายใต้จิตวิญญาณแห่งความเป็นชนชาติชาวกัมพูชาเดียวกัน”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button