เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ฉลองพระองค์ชุดกิโมโน ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย สวยสง่างามเลอค่า

งดงามเลอค่า เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ฉลองพระองค์ชุดกิโมโน ตัดเย็บจากไหมมัดหมี่ของไทย ลายแมงกะบี้ ผสานสองวัฒนธรรมอย่างลงตัว
วันนี้ (24 ธันวาคม 2568) เพจ HRH Princess Sirivannavari Nariratana Rajakanya เผยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงฉลองพระองค์ชุดกิโมโน ตัดเย็บจากผ้าไหมมัดหมี่ ลายแมงกะบี้ ในภาษาถิ่นอีสาน หมายถึง ผีเสื้อ หรือ แมลงปอ โดย กลุ่มสมาชิกศิลปาชีพ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ตัดเย็บขึ้นอย่างประณีตจากผ้าไหมไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของงานหัตถศิลป์ไทยที่สามารถผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายระดับโลกอย่างลงตัว
ฉลองพระองค์ชุดกิโมโนที่เกิดจากการพัฒนาผ้าไหมไทยที่บริษัท OMIYA ร่วมกับสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ภายในโครงการ Thai Kimono Project เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหมไทยในโครงการดอนกอยโมเดล และนาหว้าโมเดล ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงริเริ่มและเร่งรัดให้เกิดการพัฒนากระบวนการผลิตผ้าที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร
กว่าจะมาเป็นกิโมโนที่งดงาม โครงการ Thai Kimono Project ต้องใช้เวลาพัฒนานานถึง 1 ปีเต็ม ปรับรูปแบบการทอผ้าไหมไทยให้สอดคล้องกับคุณลักษณะของผ้าที่จะนำไปใช้ในการตัดกิโมโนและโอบิ หรือ ผ้าคาดเอว โดยเฉพาะการขยายหน้ากว้างของฟืมทอผ้า เพื่อให้ได้ขนาดหน้าผ้าที่กว้างขึ้นตามมาตรฐานสากลสำหรับใช้ตัดเย็บกิโมโนและทำผ้าโอบิ รวมทั้งการลดพื้นที่ว่างบริเวณขอบผ้า เพื่อให้มีลวดลายเต็มผืน
มีการปรับลดความคมชัดของลายมัดหมี่ลงให้มีความฟุ้งหรือเบลอ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ความงามตามรสนิยมความนิยมของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งปรับริ้วลายยกมุกเส้นยืนให้มีขนาดเล็กลง และเก็บตะกอลายใหม่ให้สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมลวดลายดั้งเดิมของญี่ปุ่น และ การคัดเลือกและปรับเฉดสีของผ้าให้เข้ากับฤดูกาล






อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรงสิริโฉม พระราชินี เคียงข้าง ในหลวง เสด็จฯ เยือนจีน ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์
- เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงไลฟ์ แต่งพระพักตร์ ประชาชนชื่นชม พระสิริโฉม ยอดไลก์เกือบ 9 แสน
- โลกแห่ยกย่อง “ควีนสิริกิติ์” ราชินีผู้ทรงสิริโฉม-แต่งกายงดงามสุดในโลก ผู้นำเทรนด์ผ้าไทย
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



