ฉาวข้ามโลก เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ห้องลับใต้บันไดคุก แหล่งมั่วเซ็กซ์นักโทษจีนเทา

แฉยับคุกวีไอพีของนักโทษจีนเทา ใช้ห้องลับใต้บันไดเป็นรังรักจัดปาร์ตี้เซ็กซ์กับนางแบบสาว พบหลักฐานถุงยางใช้แล้วเกลื่อนพื้น กระทรวงยุติธรรมเต้นสั่งย้าย ผบ.เรือนจำพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนยกชุด
วงการยุติธรรมไทยต้องสั่นสะเทือนอีกครั้งกับกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นภายในรั้วกำแพงสูงของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นแบบไม่ทันตั้งตัวได้เปิดเผยความจริงอันน่าตกตะลึง
ภาพลักษณ์ของเรือนจำความมั่นคงสูงถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นพบห้องลับวีไอพีที่ถูกเนรมิตขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักโทษชาวจีนผู้ทรงอิทธิพล หรือที่รู้จักกันในชื่อ จีนเทา ให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบายราวกับราชา พร้อมบริการพิเศษที่เกินขอบเขตของกฎหมายไปไกล
จุดเริ่มต้นของการเปิดโปงครั้งนี้มาจากเบาะแสสำคัญที่ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บางกลุ่มรู้เห็นเป็นใจและเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษกลุ่มนี้แลกกับผลตอบแทนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินระดับภัตตาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน และที่เลวร้ายที่สุดคือการอนุญาตให้มีหญิงสาวชาวต่างชาติ ทั้งจีนและญี่ปุ่น ที่ถูกอ้างว่าเป็นนางแบบสาวเดินทางเข้ามาภายในเรือนจำเพื่อให้บริการทางเพศ โดยมีค่าจ้างสูงถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง
จากการรายงานของสื่อหลักหลายสำนักระบุตรงกันว่า จุดนัดพบสวาทแห่งนี้คือ ห้องลับใต้บันได ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างประตู 1 และประตู 2 ของเรือนจำ ช่องทางนี้ถูกใช้เป็นทางผ่านพิเศษที่เชื่อมต่อมาจากห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำบนชั้น 2 ทำให้หญิงสาวที่ถูกว่าจ้างสามารถเล็ดลอดสายตาและการตรวจค้นตามระบบปกติเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
หลักฐานสำคัญที่มัดตัวแน่นหนาคือสภาพภายในห้องลับที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปพบ ซึ่งเต็มไปด้วยถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วและกระดาษทิชชูเปื้อนคราบอสุจิทิ้งเกลื่อนกลาด ข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้กลายเป็นใบเสร็จชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่ามีการจัดปาร์ตี้ทางเพศเกิดขึ้นจริงภายในสถานที่ราชการแห่งนี้ และยังสะท้อนให้เห็นถึงอภิสิทธิ์เหนือระดับของนักโทษที่มีเงินถุงเงินถัง ซึ่งสามารถซื้อได้แม้กระทั่งความสุขทางกามารมณ์ในแดนสนธยา
นอกจากการมั่วสุมทางเพศแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษจีนเทากลุ่มนี้ยังเรียกได้ว่ากินหรูอยู่สบายเกินมาตรฐานนักโทษทั่วไป มีการจ้างวานนักโทษชาวไทยให้ทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว คอยดูแลทำความสะอาดห้องพักและอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ประหนึ่งว่าพวกเขากำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรมหรูมากกว่าที่จะถูกคุมขังเพื่อรับโทษทัณฑ์
ทันทีที่เรื่องแดงขึ้นสู่สาธารณชน กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งด่วนให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกกว่าสิบรายไปปฏิบัติราชการที่ส่วนกลางทันที เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา
โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการทุจริตในครั้งนี้ ซึ่งหากพบการกระทำความผิดจริง จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เปิดแผลเน่าเฟะในระบบราชทัณฑ์ไทย แต่ยังตอกย้ำปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เงินและอำนาจสามารถซื้ออภิสิทธิ์ได้ทุกที่ แม้แต่ในสถานที่ที่ควรจะมีความยุติธรรมและความเท่าเทียมมากที่สุดอย่างคุก
ล่าสุดเช้าวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. 68 ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ได้เผยแพร่รายงาน เรื่อง “การจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร” โดยระบุว่า

“วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ตามที่ได้มีการจู่โจมตรวจค้นเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ในช่วง ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการย้ายผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่บางส่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่ามีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นในเรือนจํา จึงมีผู้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนเบื้องต้นว่า ได้มีการตรวจค้นเรือนจําดังกล่าวแล้ว พบว่ามีสิ่งของต้องห้าม และ สิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจํา ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗๒ และมาตรา ๗๓ นอกจากนี้ ยังพบสิ่งของเกินความจําเป็น เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ แอร์เคลื่อนที่ และอีกหลายรายการ รวมถึงพบว่า ผู้ต้องขังบางรายมีการครอบครองสิ่งของแบรนด์เนม และจากการตรวจค้นห้องเจ้าหน้าที่ยังพบกาแฟซอง จํานวนมาก ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ใช้แทนการพนันของผู้ต้องขังชาวจีนบางรายในเรือนจํา อนึ่ง กรมราชทัณฑ์ ได้ดําเนินการ ย้ายผู้ต้องขังชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปยังเรือนจําที่เหมาะสม เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และจะเร่งรัดดําเนินการสอบสวนต่อไป
กรมราชทัณฑ์ ยังคงกําชับเรือนจํา/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้ยึดมั่นในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังภายใต้ หลักสิทธิมนุษยชน ด้วยความเสมอภาค อีกทั้ง เรือนจําฯ เป็นสถานที่ที่ควบคุมดูแลผู้กระทําผิดให้ได้รับ ความปลอดภัย ซึ่งดําเนินการเป็นไปตามหลักนิติธรรม และกฎหมายที่กําหนดไว้”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



