ข่าวข่าวภูมิภาคเศรษฐกิจ

คลังวางเป้าเพิ่มวงเงิน ‘ค่าน้ำ – ค่าไฟ’ ของ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ข้อสรุป ต.ค. นี้

กระทรวงการคลังได้ประกาศถึงการพิจารณาเพิ่มวงเงินสำหรับใช้จ่าย ค่าน้ำ – ค่าไฟ ของ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าได้ข้อสรุปภายช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

ค่าน้ำ, ค่าไฟ, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ – เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 2564) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้กระทรวงการคลัง เร่งทบทวนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง

เนื่องจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถือเป็นการสำรวจข้อมูลประชาชนอีกครั้งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลืออยู่

“ขณะนี้กำลังรอ สศค. สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลือมาเสนอก่อน จึงจะสามารถสรุปเสนอนายกรัฐมนตรีได้ ในเร็วๆ นี้”

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้สศค. อยู่ระหว่างปรับปรุงเงื่อนไขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ คาดว่าภายในเดือนต.ค.นี้ จะมีข้อสรุปอย่างแน่นอน โดยในเบื้องต้นจะพิจารณาหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือค่าน้ำ และค่าไฟ จากปัจจุบันช่วยเหลืออยู่คนละ 230-300 บาทต่อเดือน

ส่วนจะปรับเพิ่มเป็นอัตราเท่าใด รวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสวัสดิการอื่นๆ นั้น จะต้องรอสศค.สรุป และเสนอให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณา เพื่อเสนอครม.อนุมัติก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ราว 13.65 ล้านคน ซึ่งมีคุณสมบัติภายใต้เกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ ดังนี้ มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร, สลากออมสิน, สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.), พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ หรือถ้ามีทรัพย์สินดังกล่าวจะต้องมีรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาพิจารณาเพิ่มเติมเข้ามา คือ การนำรายได้ต่อครัวเรือน รวมทั้งกรณีมีรถยนต์ 2-3 คัน และการถือบัตรเครดิต มาพิจารณาประกอบด้วย ส่วนหน่วยงานรัฐที่จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่นั้น ในเบื้องต้นจะใช้สถาบันการเงินของรัฐเป็นหลัก

 

แหล่งที่มาของข่าว : ประชาชาติธุรกิจ

สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ

 

 

APPO

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button