เทคโนโลยี

นักขุดเหมือง จีน หันมาใช้ โน๊ตบุ๊ค RTX 30 แทนการ์ดจอ

เนื่องด้วยการขาดตลาดอย่างยาวนานของการ์ดจอในรุ่น RTX 30 ของ Nvidia ทำให้บรรดานักขุดเหมืองต้องหาทางใหม่ ๆ มาดำเนินการ โดยที่ จีน นั้นได้มีการหันไปใช้งาน โน๊ตบุ๊ค รุ่นใหม่ที่มีชิป GPU รุ่นเดียวกันแทน

การตื่น Bitcoin นั้นได้ส่งผลเสียต่อตลาดการ์ดจอเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือการกว้านซื้อการ์ดจอทั้งโดยบรรดาพ่อค้าคนกลาง และจากบรรดานักขุดเหมืองทั้งหลาย ซึ่งผลกระทบก็มีต่อนักขุดเหมืองด้วยกันเองด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังมีผู้หาทางออกเพื่อดำเนินการได้อยู่ โดยที่ประเทศ จีน นั้นได้มีการใช้งาน โน๊ตบุ๊ค ที่มีชิป GPU RTX 30 แทนที่

อย่างที่ได้กล่าวไป การตื่นตัวของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ (Cryptocurrencies) ทำให้ตลาดการ์ดจอนั้นมีการขาดตลาดขึ้นมา จึงได้เกิดแนวทางใหม่ในการขุดเหมือง โดยเป็นการใช้งาน Laptops หรือ Notebooks ที่ใช้งานการ์ดจอตระกูล RTX 30 ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้เริ่มมีการวางขายไปแล้วทั่วโลก

โดยการดำเนินการดังกล่าวนั้น ได้เกิดขึ้นในประเทศจีน เหมืองที่ว่านี้มีการใช้งาน Laptops ที่ใช้งานการ์ดจอ RTX 3070 / 60 ทั้งหมด 40 เครื่องด้วยกัน จากยี่ห้อ Hasee ซึ่งมันก็สามารถดำเนินการทดแทนกันได้ ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าการ์ดจอปกติ หรือชุดขุดทั่วไป แต่ก็แลกมาด้วยอัตราในการขุดที่ดีกว่า และประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย

นอกจากการใช้งานแล้วนั้น การทำเหมืองรูปแบบนี้ยังมีการจัดวางตัวเครื่องในลักษณะแบบเต้นท์ เพื่อที่จะสามารถทำการระบายอากาศได้ดีกว่าการใช้งานทั่วไป และสำหรับการเปิดใช้งานตัวเครื่องเป็นระยะเวลา 24/7 ด้วยกัน นอกจากนี้แล้วยังมีการติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพื่อถ่ายลมร้อนออกไปอีกด้วย

ซึ่งก็ได้มีการถ่ายทำการดำเนินการดังกล่าวผ่านช่องทาง Bilibili โดยมีการพูดถึงว่า Laptops ที่ใช้งานการ์ดจอรุ่น 3060 นั้นสามารถทำการขุด Ethereum ได้ 0.00053009 ETH ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ขณะนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟได้ ซึ่งก็มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมอีกว่า ในรุ่นดังกล่าวนี้สามารถขุดไปถึง 2.3217942 ETH ต่อปี ตีเป็นเงินอยู่ที่ประมาณ $3700 หรือประมาณ 111,370.52 บาท

มันอาจจะดูเป็นวิธีการที่น่าสนใจ และดูประหยัดลงไปเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับการตั้งเหมืองขนานใหญ่ ที่กินไฟฟ้าได้มากพอกับคนใช้งานไฟฟ้าปกติ 1 แสนกว่าคน แต่มันก็ทำให้เกิดความกังวลว่า จะมีการแห่อพยพราวตั้กแตนมายังตลาด Laptop หรือไม่ และจะส่งผลให้เกิดการขาดตลาดในอีกที่หรือเปล่า ซึ่งก็สามารถที่จะส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีไปในระยะยาวเลยก็ว่าได้

ทั้งนี้แล้วนั้นก็เป็นอะไรที่ต้องจีบตามองกันต่อไปอีกทีหนึ่ง

 

แหล่งที่มาของข่าว : WCCFTech

 

สามารถติดตามข่าวเทคโนโลยีเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเทคโนโลยี

 

Thaiger deals

ไทยเกอร์นิวส์

นำเสนออัปเดตข่าวสารบ้านเมือง ข่าวล่าสุด มั่นใจว่าคุณจะทันทุกสถานการณ์ ไม่ว่า สังคมเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง เรื่องร้อนออนไลน์ ดราม่าดารา อัปเดตบันเทิง ซีรีส์ หนัง เพลง ท่องเที่ยว กีฬา ตรวจหวย เลขเด็ด พร้อมเสิรฟ์ทุกเรื่องยาก ๆ ย่อยให้คุณเข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button