สุขภาพและการแพทย์

Coca-Cola ใช้งบโฆษณา 25 ล้านบาท บริจาคกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19

หลังจากที่ Coca-Cola ประเทศไทย ได้ประกาศหยุดโฆษณาบนสื่อโทรทัศน์และสื่อดิจิทัลของแบรนด์ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อนำงบประมาณไปสนับสนุนในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน รวมไปถึงการร่วมแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19

ความคืบหน้าล่าสุด Coca-Cola ประเทศไทย ระบุว่า ได้จับมือมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมสนับสนุน ‘กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่างๆ)’ อันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์นายกกิตติมศักดิ์และประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 25 ล้านบาท โดยความช่วยเหลือในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นไปที่โรงพยาบาล และศูนย์การแพทย์ในต่างจังหวัด ซึ่งขาดแคลนทรัพยากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในขณะที่ต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้มูลนิธิชัยพัฒนาจะแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อบริหารจัดการ ‘กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่างๆ)’ โดยมี Coca-Cola เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน และทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันหาแนวทางมอบหมายหน้าที่และนำเครือข่ายเจ้าหน้าที่มูลนิธิชัยพัฒนา รวมถึงสำนักงานและรถขนส่งสินค้าของไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขณะเดียวกัน ‘กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่างๆ)’ ยังได้เปิดรับบริจาคเงินสมทบกองทุนเพิ่มเติม เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดย Coca-Cola จะช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อระดมเงินเข้ากองทุนฯ ผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ สามารถบริจาคเงินสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา บัญชีกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 (และโรคระบาดต่างๆ) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสวนจิตรลดา บัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 067-300487-3

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2447 8585 ถึง 8 ต่อ 109 / 121 / 259 ในวันและเวลาทำการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยนำหลักฐานการโอนเงินพร้อมเขียนชื่อ-ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่ชัดเจนส่งมาที่อีเมล givedonate@gmail.com หรือโทรสาร. 0 2447 8574 หรือส่งไปรษณีย์ไปที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา 2012 ซอยอรุณอมรินทร์ 36 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700

ที่มา: thestandardth

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button