สรุปผล พร้อมไฮไลท์ เอฟเอคัพ รอบ 5 เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 มี.ค.) – สิงห์ตบหงส์, นิวเข้ารอบ!
สรุปผล พร้อมไฮไลท์ เอฟเอคัพ รอบ 5 เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 มี.ค.) – สิงห์ตบหงส์, นิวเข้ารอบ! : เอฟเอคัพ อังกฤษ 2020 รอบ 5 ไฮไลท์เอฟเอคัพเมื่อคืนนี้ ไฮไลท์ เชลซี ลิเวอร์พูล เอฟเอคัพ
สรุปผลพร้อมไฮไลท์ เอฟเอคัพ รอบ 5 – เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 มีนาคม) การแข่งขันฟุตบอลถ้วย เอมิเรตส์เอฟเอคัพอังกฤษ2020ฤดูกาล 2019-2020 รอบ 5 ลงทำการแข่งขันกันอีก 3 คู่ (พอร์ทสมัธ ลงเตะกับ อาร์เซนอล เมื่อคืนวันที่ 3 มีนาคม) โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การพบกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ได้เล่นในสนาม สแตมฟอร์ดบริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
คลิกที่ผลการแข่งขันเพื่อชมไฮไลท์
3 มีนาคม 2563 |
พอร์ทสมัธ 0-2 อาร์เซนอล |
4 มีนาคม 2563 |
เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล |
เรดดิ้ง 1-2 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด |
เวสต์บรอม 2-3 นิวคาสเซิล |
MATCH REPORT
เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล
11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
- เชลซี: (GK) เกป้า, อัซปิลิกวยต้า, รูดิเกอร์, ซูม่า, อลอนโซ่, กิลมอร์, โควาซิช, บาร์คลีย์, วิลเลี่ยน, เปโดร และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
- ลิเวอร์พูล: (GK) อาเดรียน, วิลเลี่ยมส์, ฟาน ไดจค์, โกเมซ, โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, ลัลลาน่า, โจนส์, มินามิโนะ, มาเน่ และ ดิว็อค โอริกี้
“สิงห์บลูส์” ภายใต้การคุมทีมของ “ซูเปอร์แฟรงค์” แฟรงค์ แลมพาร์ด วันนี้จัดผู้เล่นตัวจริงผสมดาวรุ่งเล็กน้อย โดยให้โอกาสของ บิลลี่ กิลมอร์ มิดฟิลด์สก็อตติชวัย 18 ปี ลงสนามในฐานะกองกลางตัวรับ ส่วนเกมรุกส่งทั้ง วิลเลี่ยน เปโดร และยังไว้วางใจให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าร่างยักษ์ชาวฝรั่งเศส ล่าตาข่าย
ขณะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งพบกับความผิดหวังในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ วันนี้ กุนซือเฮฟวี่เมทัล พักผู้เล่นอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รวมถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ รวมถึงยังส่งผู้เล่นดาวรุ่ง-สำรองหลายตำแหน่งลงสนามเป็นสิบเอ็ดตัวจริง แต่ยังมี เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ ซาดิโอ มาเน่ เป็นตัวหลัก
นาทีที่ 12 วิลเลี่ยน ได้บอลส้มหล่นโล่งๆ ในกรอบเขตโทษ เจ้าตัวง้างเต็มข้อซัด นึกว่าจะหายวาบเข้าประตูไปแล้ว แต่ อาเดรียน ยังเซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ เชลซี ทักทาย ทีมเยือน ได้อย่างน่ากลัว
https://www.facebook.com/ChelseaFC/photos/a.217015422258/10158373516372259/?type=3&theater
GOAL! นาทีที่ 13 จุดเริ่มต้นจากความผิดพลาดของ ฟาบินโญ่ ที่ไปจับบอลยาวหน้ากรอบเขตโทษตัวเองจนโดนฉกไปได้ สุดท้าย วิลเลี่ยน คนเดิมได้ซัด บอลแรงจัดทะลุซอง อาเดรียน เข้าประตูไปเลย นายทวารมือสองหงส์แดง น่าจะทำได้ดีกว่านี้ สิงห์บลูส์ ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 21 หงส์แดง น่าได้ประตูสุดๆ จากจังหวะนัวหน้าประตูของ เชลซี – มาเน่ หาบอลเจอได้ยิงไปติดเซฟของ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า กระดอนมาเข้าทางของ ดิว็อค โอริกี้ ได้ซัดอีกหนก็ยังติดมือ เกป้า อีก คราวนี้กระดอนมาเข้าทาง เคอร์ติส โจนส์ ซัดเปรี้ยงก็ยังไม่เข้าประตู – เกป้า โชว์เซฟ 3 จังหวะติด!
ช่วงท้ายครึ่งแรก มาเตโอ โควาซิช มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องเอา เมสัน เมาท์ ลงมาแทน สุดท้ายหมดเวลา 45 นาที เชลซี เป็นฝ่ายออกนำ ลิเวอร์พูล ไปก่อน 1-0 ต้องไปว่ากันใหม่ในช่วงครึ่งหลัง
ครึ่งหลัง เริ่มมาได้แค่ 5 นาที วิลเลี่ยน มาเจ็บเพิ่มอีกหนึ่งหน่อ จอร์จินโญ่ ต้องลงสนามมาแทน
นาทีที่ 62 จากจังหวะที่ ฟาบินโญ่ ไปทำฟาล์วใส่ เมสัน เมาท์ เจ้าตัวลุกขึ้นมาซัดฟรีคิกเองบอลชนคาน!
https://www.facebook.com/ChelseaFC/photos/a.217015422258/10158373724002259/?type=3&theater
GOAL! นาทีที่ 64 เชลซี ได้สวนกลับมาจากแดนตัวเองแล้วเป็น รอสส์ บาร์คลีย์ ลากบอลมาเองคนเดียวแบบสบายใจเฉิบ สุดท้ายง้างยิงด้วยขวาเสียบเสาเข้าประตูไป สิงโตน้ำเงินคราม 2-0 หงส์แดง
นาทีที่ 74 เจ้าบ้าน เกือบฝังเป็น 3-1 จากจังหวะที่ อัซปิลิกวยต้า วางบอลโคตรแม่นให้ ชิรูด์ สปริ้นท์ไปเอาในกรอบเขตโทษ สุดท้าย ชิรูด์ หาจังหวะยิงได้ไปติดมือ อาเดรียน ชนคานหวุดหวิด!
ช่วงเวลาที่เหลือ หงส์แดง ก็พยายามจะทวงประตูคืน แม้ คล็อปป์ จะส่งทั้ง เจมส์ มิลเนอร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงสนามมา แต่ก็ไม่เป็นผล หมดเวลา 90 นาที “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ “จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก” อย่าง ลิเวอร์พูล 2-0 ทะลุเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ
เวสต์บรอม 2-3 นิวคาสเซิล
11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
- เวสต์บรอม: (GK) บอนด์, เฟอร์ลอง, โอเชีย, บาร์ตลีย์, กิ้บส์, บรันท์, แบร์รี่, ฮาร์เปอร์, ฟิลลิปส์, ออสติน, เอ็ดเวิร์ดส์
- นิวคาสเซิล: (GK) ดาร์โลว์, มานกีโญ่, ชาร์, ลาสเซลส์, โรส, เบ็นทาเล็บ, ฌอน ลองสตาฟฟ์, ลาซาโร่, อัลมิร่อน, แซงต์-แม็กซิแม็ง และ โชเอลินตอน
GOAL! นาทีที่ 33 แซงต์-แม็กซิแม็ง แทงอย่างสวยให้ มิเกล อัลมิร่อน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เจ้าตัวดึงจังหวะแล้วซัดด้วยซ้าย บอลเข้าไปตุงตาข่าย นิวคาสเซิล บุกมานำก่อน 1-0
GOAL! นาทีที่ 45+1 “สาลิกาดง” มาได้ประตูก่อนหมดครึ่งแรก จากจังหวะที่ ลาซาโร่ ได้บอลหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษทางฝั่งขวา เจ้าตัวตบเข้ากลางไม่ดีแล้ว แต่บอลพันแข้งพันขาแนวรับ เวสต์บรอม สุดท้าย โชเอลินตอน ไขว้กลับมาให้ อัลมิร่อน คนเดิม วิ่งมาหวดด้วยซ้าย ตาข่ายแทบขาด จบครึ่งแรก 2-0
GOAL! นาทีที่ 47 มิเกล อัลมิร่อน ปั่นบอลไปให้ แซงต์-แม็กซิแม็ง ทางด้านซ้าย แม็กซิแม็ง จ่ายย้อนกลับมาจะให้ ลาซาโร่ เข้าชาร์จ นายทวารของ เวสต์บรอม ออกมาตะครุบไว้ได้ก่อน…แต่พลาด! แล้วเป็น วาเลนติโน่ ลาซาโร่ เองที่เอาบอลเข้าประตูไปได้แบบง่ายๆ นิวฯ นำห่าง 3-0 เกมน่าจะจบแล้ว
https://www.facebook.com/newcastleunited/photos/a.301402789869974/3867985903211627/?type=3&theater
GOAL! นาทีที่ 74 จากจังหวะครอสทางด้านซ้าย เคนเนธ โซโฮเร่ ที่ลงมาแทน ชาร์ลี ออสติน ในครึ่งหลัง โหม่งตั้งกลับมาให้ แมตต์ ฟิลลิปส์ ได้หวดจังหวะเดียวบอลกระดอนพื้น ตีไข่แตกสำเร็จ
GOAL! ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 ไคล์ เอ็ดเวิร์ด โชว์พลิ้วมาคนเดียวทางซ้าย ลากเข้ากรอบมาได้ก่อนถวายพานให้ เคนเนธ โซโฮเร่ ได้แปเข้าประตูไปแบบง่ายๆ เวสต์บรอม ไล่มาเป็น 2-3 แต่ว่าไม่ทันการ!
หมดเวลา 90 นาที นิวคาสเซิล ชนะ เวสต์บรอม 3-2 ผ่านเข้ารอบก่อนรองฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2005-06!
เรดดิ้ง 1-2 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
เรดดิ้ง ทีมอันดับ 16 ในศึก แชมเปี้ยนส์ชิพ อังกฤษ ยันเสมอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในเวลาปกติด้วยสกอร์ 1-1 (เดวิด แม็คโกลด์ริค ของ เชฟฯ ยู ยิงก่อนในนาทีที่ 2 ก่อนที่ จอร์จ ปุสกัส จะมาตีเสมอในนาทีที่ 43) สุดท้ายไปพลาดท่าพ่ายจากลูกโหม่งของ บิลลี่ ชาร์ป ในช่วงทดเจ็บต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ทำให้พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาว จอดที่รอบ 5 ส่ง “ดาบคู่” เข้าไปลุยต่อในรอบก่อนรองชนะเลิศ
Into the final 8 of the FA Cup 🙌
All the highlights from tonight’s 2-1 win over Reading at the Madejski 🏆 pic.twitter.com/3oXflYGEUX
— Sheffield United (@SheffieldUnited) March 3, 2020
พอร์ทสมัธ 0-2 อาร์เซนอล (3 มีนาคม)
11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
- พอร์ทสมัธ: (GK) เบส, แม็คโครรีย์, โบลตัน, เบอร์เกสส์, เซดอน, โคลส, แม็คจีฮาน, วิลเลี่ยมส์, อีแวนส์, ฮาร์เนสส์, แฮร์ริสัน
- อาร์เซนอล: (GK) มาร์ติเนซ, โซคราติส, ดาวิด ลุยซ์, ปาโบล มารี, ซาก้า, เก็นดูซี่, ตอร์เรร่า, เนลสัน, วิลล็อค, มาร์ติเนลลี่ และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ “เดอะ กันเนอร์ส” ในที่สุดก็ได้มีโอกาสส่ง ปาโบล มารี ลงประเดิมสนามนัดแรกในสีเสื้อของ อาร์เซนอล เสียที โดยวันนี้เจ้าตัวจับคู่กับ ดาวิด ลุยซ์ ในฐานะเซ็นเตอร์แบ็ค และโยกเอา โซคราติส กองหลังสัญชาติกรีก ไปเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา (สลับยืนหลังสามตามจังหวะ)
นาทีที่ 28 ปืนใหญ่ เกือบเสียประตู จากจังหวะเล่นเร็วของ พอร์ทสมัธ เซดอน ครอสบอลมาเข้ากบาลของ อีแวนส์ ได้โหม่งเหน่งๆ บอลหลุดเสาสองไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 30 อาร์เซนอล ก็เกือบได้ประตูจากลูกโหม่งเช่นกัน รีสส์ เนลสัน เปิดบอลจากทางฝั่งขวาให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้โขกไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่บอลพุ่งข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น
GOAL! ช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมเยือน มาได้ประตูออกนำจนได้ ในนาทีที่ 45+4 เริ่มต้นมาจากจังหวะเตะมุมของ เนลสัน โดนสกัดทิ้งออกมาได้ เนลสัน คนเดิมได้บอลอีกครั้ง คราวนี้โยนเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ กลายเป็น “ปาป้า” โซคราติส วิ่งไปแปตามน้ำ ตุงตาข่าย จบครึ่งแรก เดอะ กันเนอร์ส 1-0 พอร์ทสมัธ
https://www.facebook.com/Arsenal/photos/a.10150246028422713/10157745444982713/?type=3&theater
GOAL! ครึ่งหลังเริ่มต้นมาได้แปปเดียว นาทีที่ 51 รีสส์ เนลสัน กระชากมาเองจากริมเส้นฝั่งขวา เอาชนะแบ็คซ้ายของ พอร์ทสมัธ ได้ก่อนตบเข้ากลางให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้ชาร์จเข้าประตูไป
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ 2-0 ปืนใหญ่ ก็ครองบอลใส่อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ขณะที่ ปอมปีย์ แทบไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูเสียวๆ ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ทำให้รูปเกมออกมาค่อนข้างง่วงนอน
นาทีที่ 87 อาร์เตต้า เปลี่ยนตัวเอา กรานิท ชาก้า ที่ถูกพักไว้เป็นตัวสำรอง ลงมาแทนที่ของ โจ วิลล็อค ซึ่งวันนี้เล่นไม่ค่อยออก แถมตอนเดินออกจากสนาม เจ้าตัวยังดูไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าไม่พอใจฟอร์มการเล่นของตัวเอง หรือเสียดายที่ “พี่อาร์ต” ไม่ให้อยู่ในสนามครบ 90 นาที
หมดเวลา 90 นาที อาร์เซนอล บุกมาเก็บชัยชนะจาก พอร์ทสมัธ ได้ถึงถิ่น แฟรตตันพาร์ก 2-0 ทะลุเข้ารอบต่อไปในรายการฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ