สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เปิดรัง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สเตเดี้ยม รับมือการมาเยือนของจ่าฝูงอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา
🔴 TEAM NEWS 🔴
1️⃣ change to the starting XI from our last @premierleague outing. @Alex_OxChambo replaces @JamesMilner. #TOTLIV https://t.co/A85M6vhNIC
— Liverpool FC (@LFC) January 11, 2020
นาทีที่ 3 อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน ว่างบอลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ในกรอบเขตโทษ ก่อนเอาบอลลงแล้วยิงด้วยซ้าย ติดบล็อค ยาเฟต ทันกันก้า ไปเข้าทางปืน แชมเบอร์เลน ได้ยิงแต่ชนเสาอย่างจัง ยังไม่เป็นประตู
นาทีที่ 5 สเปอร์ส มาได้ลุ้นบ้างจาก ลูคัส มูร่า ที่ได้บอลทางซ้ายแล้วพาหนี โจ โกเมซ และ เฮนเดอร์สัน แล้วตัดสินใจกดด้วยขวาทันที แต่บอลยังไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 21 เจ้าบ้านได้เสียวอีกครั้ง หลังจาก ลูคัส มูร่า ไหลบอลต่อให้ คริสเตียน เอริกเซ่น อัดด้วยซ้ายนอกกรอบจน อลีสซง ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 35 ทีมเยือนมาได้ลุ้นจากจังหวะที่ ฟีร์มีโน่ จ่ายเข้าหน้ากรอบให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้ล้มตัวฟาดยิงลกนี้ แต่บอลตกพื้นแล้วเด้งออกหลังไป
GOAL !!! นาทีที่ 37 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ บอลชุลมุนกันและ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ชิงโหม่งให้ ซาล่าห์ ก่อนป้ายต่อให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่งหนึ่งจังหวะเข้าซ้ายแล้วยิงทันที บอลพุ่งแรงหนีมือนายด่าน สเปอร์ส เข้าประตูไป โดยผู้ตัดสินเช็ก VAR ว่าเป็นแฮนด์บอลของ เฮนโด้ หรือไม่ ก่อนจะให้เป็นประตูตามเดิม
หงส์แดง มาได้ลุ้นอีกช่วงท้ายจากจังหวะที่ ซาลาห์ ใช้ความเร็วกระชากเข้าไปยิงด้วยซ้ายแต่บอลหลุดเสาแรกออกไปหวุดหวิด ไม่ได้ประตูเพิ่ม ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 ของทีมเยือน
Firmino's clinical finish sends us into half-time ahead 👊 #TOTLIV https://t.co/VkHTV22Yg6
— Liverpool FC (@LFC) January 11, 2020
นาทีที่ 46 สเปอร์ส เกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่ แซร์จ โอริเย่ร์ จ่ายให้ ลูคัส มูร่า พาบอลเข้าไปยิงด้วยขวาในกรอบแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 57 เดเล่ อัลลี่ พาบอลจี้เข้าเขตโทษก่อน ฟาน ไดจ์ค ตามสกัดไว้บอลเลยมาถึง แซร์จ โอริเย่ร์ ได้กดด้วยขวาทันทีแต่ไม่ห่างตัวของ อลีสซง ยังรับไว้ได้
นาที 65 หงส์แดง น่าได้ประตูเพิ่มเมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสเน้น ๆ ให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้ขึ้นโขกบอลตรงกรอบแต่ยังไม่ผ่านมือ กัซซานิก้า
นาที 82 โอกาสทองของลูกทีม มูรินโญ่ หลังจากที่ แซร์จ โอริเย่ร์ บรรจงเปิดบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลาให้ทาง โจวานนี่ โล เซลโซ่ ได้ชาร์จจ่อ ๆ แต่กลับโดนไม่เต็ม ทำให้บอลหลุดกรอบไปอย่างเหลือเชื่อ เล่นเอา เดอะสเปเชียลวัน เสียดายจนต้องลงไปคุกเข่า
ท้ายเกม ดิว็อค โอริกี สำรองที่เพิ่งลงมา ได้โชว์สเต็ปลากเข้าไปยิงแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือ กัซซานิก้า ที่เซฟหวุดหวิด สกอร์ยังเท่าเดิม
BIG WIN! ✊https://t.co/JbUsCmD0Ar
— Liverpool FC (@LFC) January 11, 2020
จบเกม 90 นาที สเปอร์ส พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล หวุดหวิด 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 61 คะแนนจาก 21 เกม เป็นการออกสตาร์ทลีกที่ดีที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป และเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก ทุบสถิติเดิมของ แมนฯซิตี้ ที่ทำไว้ 59 แต้ม อีกทั้งยังทำแต้มห่างอันดับ 2 อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่วันนี้พ่ายคาบ้านถึง 16 คะแนน แถมแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัดแล้วด้วย
ไฮไลท์ สเปอร์ส 0-1 ลิเวอร์พูล
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สเปอร์ส (3-4-2-1) : เปาโล กัซซานิก้า – โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ดาวินซอน ซานเชซ, ยาเฟต ทันกันก้า – แซร์ช โอริเย่ร์, คริสเตียน เอริกเซ่น (โจวานนี่ โล เซลโซ่ น.69) , แฮร์รี่ วิงค์ส, แดนนี่ โรส (เอริก ลาเมล่า น.69) – เดเล่ อัลลี่, ลูคัส มูร่า – ซน ฮึง-มิน
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน (อดัม ลัลลาน่า น.61), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.90+1), โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ (ดิว็อก โอริกี้ น.81)
