ข่าวดารา

5 บทบาทการันตี “โรเบิร์ต แพททินสัน” มีดีมากกว่าความหล่อ

5 บทบาทการันตี “โรเบิร์ต แพททินสัน” มีดีมากกว่าความหล่อ

 

โรเบิร์ต แพททินสัน : เป็นที่ฮือฮาสะเทือนวงการซุปเปอร์ฮีโร่เลยทีเดียว เมื่อทาง Warner Bros. ผู้กุมลิขสิทธิ์ซุปเปอร์ฮีโร่ค่าย DC Comic ได้ออกมาประกาศนักแสดงชายที่จะมาสวมผ้าคลุมเป็นอัศวินรัตติกาลต่อจาก เบน เอฟเฟล็กซ์ ที่ตัดสินใจวางมือจากบทนี้ไป และหวยก็ดันไปออกที่ โรเบิร์ต แพททินสัน นักแสดงหนุ่มวัย 33 ปี มารับบทนำในภาพยนตร์ฉบับรีบู๊ทใหม่ The Batman (2021) ที่ลงมือกำกับของ แม็ตต์ รีฟส์

การได้มาซึ่งบทของ บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน ของโรเบิร์ตสร้างข้อกังขาให้กับบรรดาแฟนๆ ไปพอสมควร ทั้งความเหมาะสมของตัวนักแสดง และความเด็กเกินกว่าที่บรูซ เวย์นควรจะเป็น หากเรมองข้ามประเด็นเรื่องความเหมาะสมแล้วไปโฟกัสที่บทบาทในวงการบันเทิงที่ผ่านมาของเขา คุณจะรู้เลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้น่ะฝีมือการแสดงไม่ธรรมดา เขาเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่อายุยังน้อย จากภาพยนตร์มหากาพย์พ่อมด แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี ในบทพ่อมดรุ่นพี่ “เซดดริก ดิกกอรี่” ที่ความน่ารักใสๆ เรียกเสียงกรี้ดจากสาวๆ ในโรงได้เกรียวกราว

 

โรเบิร์ต แพททินสัน ในบท “เซดริก ดิกกอรี่” จาก Harry Potter ภาค 4 ถ้วยอัคนี

รูปภาพจาก pinterest

 

กระทั่งมาดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลกจากบทบาทพระเอกแวมไพร์ “เอ็ดเวิร์ด คัลเลน” จากภาพยนตร์ชุด The twilight saga และนั่นก็ทำให้ผู้ชมติดภาพจำของเขาในฐานะพระเอกแวมไพร์ไป จนเจ้าตัวออกมาบ่นว่ามันทำให้เขาไปรับงานแสดงบทอื่นแทบไม่ได้เลย ดังนั้นหลังจากจบภาพยนตร์ชุดนี้ไป เขาจึงเลี่ยงไปรับบทนำในภาพยนตร์นอกกระแสหรือภาพยนตร์ฟอร์มเล็กเสียมากกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาสามารถแสดงฝีมือของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ จนความสามารถได้ไปเตะตาค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด นำมาสู่การได้รับบทนำเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีฐานแฟนคลับมากที่สุดในโลกอย่างแบทแมน

 

โรเบิร์ต แพททินสัน ในบท “เอ็ดเวิร์ด คัลลเลน” จาก The twilight saga

รูปภาพจาก pinterest.com

 

และนี่ก็คือ 5 บทบาทที่ช่วยการันตีได้ว่า โรเบิร์ต แพททินสัน ไม่ได้ขายแค่ความหล่อ แต่เขายังขายฝีมือด้วย

1.เรย์ จากเรื่อง The Rover (2014)

ภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังซิดนีย์ บอกเล่าเรื่องราวโลกมนุษย์หลังการล่มสลายของอารยธรรม ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า เรื่องนี้โรเบิร์ตต้องสลัดคราบหนุ่มหล่อเนี้ยบมาเป็นชายหนุ่มที่สมองไม่ปกติ ซึ่งโรเบิร์ตต้องถ่ายทำแบบคลุกฝุ่นท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุถึง 45 องศาเซลเซียส (โอ้แม่เจ้า!)

 

รูปภาพจาก hollywood reporter

 

2.เดนนิส สต็อค จากเรื่อง Life (2015)

เรื่องราวของ เดนนิส สต็อค ตากล้องหนุ่มจากนิตยสาร LIFE ที่ต้องถ่ายภาพตามติดนักแสดงโคตรขบถแห่งยุค เจมส์ ดีน (เดน เดอฮานน์) ทว่าภาพถ่ายของเขากลับกลายเป็นภาพถ่ายที่สามารถสะท้อนตัวตนของนักแสดงหนุ่มในมุมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทั้งตากล้องและนักแสดงได้สร้างความทรงจำที่ดีต่อกัน กระทั่งดีนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ บทบาทตากล้องเดนนิสของโรเบิร์ตที่เขาตกลงรับมาเป็นเพราะเขาสนใจในตัวละครนี้ และสามารถเข้าถึงบทบาทตัวละครนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

 

รูปภาพจาก digitalgym

 

3.เฮนรี่ คอสติน จากเรื่อง The Lost City of Z (2016)

เป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดยอ้างอิงมาจากเรื่องจริงของทีมสำรวจชาวอังกฤษที่บุกป่าหาคนหายในป่าอะเมซอน เพอร์ซิวัล ฟาวเซ็ตต์ (ชาร์ลี ฮันแนม) โรเบิร์ตรับบทเป็นผู้ช่วยของฟาวเซ็ตต์ที่ต้องรับมือและดูแลข้อเท็จจริงที่ฟาวเซ็ตต์ได้ฝากไว้ให้ ซึ่งการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเข้าป่าไปถ่ายทำที่ประเทศโคลอมเบีย พ่อพระเอหนุ่มของเราก็ต้องปรากฏตัวบนจอในสภาพหนวดเคราเฟิ้ม ไร้เรี่ยวแรงตลอดเวลา แถมยังต้องกินหนอนจริงๆ ด้วย (แต่ก็ถูกตัดออกจากหนังไป)

 

รูปภาพจาก flickeringmyth

 

4.คอนนี จากเรื่อง Good Time (2017)

ไอ้หนุ่มจนตรอกกับน้องชายผู้มีความผิดปกติทางสมองที่ร่วมด้วยช่วยกันปล้นธนาคาร แต่ดันล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมน้องชายยังโดนตำรวจจับเข้าคุกอีก งานนี้โรเบิร์ตในบทคอนนี่พี่ชายต้องหาทางช่วยน้องชายออกมาจากคุให้ได้ ก่อนที่น้องเขาจะเหลือเพียงชื่ออยู่ภายในห้องขัง โรเบิร์ตได้เปิดเผยว่า เหตุที่เขาได้มาแสดงเรื่องนี้เพราะเขาเป็นคนส่งอีเมลล์ไปให้ผู้กำกับสองพี่น้อง เบนนี่ และ จอร์จ ซาฟดี ว่าสนใจที่จะร่วมงานด้วย ทั้งที่ตนเองไม่เคยเจอตัวจริงของทั้งคู่มาก่อน หากแต่รู้จักจากผลงานเรื่อง Heaven Knows What (2014)

 

รูปภาพจาก variety.com

 

5. ม็องเต จากเรื่อง High Life (2018)

ภาพยนตร์ที่เกิดจากความร่วมมือ 5 สัญชาติ (สหราชอาณาจักร-ฝรั่งเศส-เยอรมนี-โปแลนด์-สหรัฐอเมริกา) ว่าด้วยเรื่องราวของม็องเต ที่ต้องลอยเท้งเต้งอยู่กลางอวกาศไปพร้อมกับการเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อย ท่ามกลางการจับตาดูอย่างใกล้ชิดของนักวิทยาศาสตร์ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยากที่คนปกติจะเข้าใจ ตัวหนังทำออกมาได้ดีจนเปลี่ยนจากหนังอวกาศกลายเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ชวนขนลุก สะท้อนด้านมืดที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

รูปภาพจาก polygon

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button