ไทย-กัมพูชา แถลงผลประชุม JBC ดำเนินการสร้างหลักแดนใหม่ 15 จุด

ไทย-กัมพูชา แถลงผลประชุม JBC ดำเนินการสร้างหลักแดนใหม่ 15 จุด แทนของเก่าที่ชำรุดเสียหาย นัดประชุมครั้งหน้ามกราคม 69
จากกรณีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือการประชุม JBC ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21 – 22 ตุลาคม 2568 ฝ่ายไทยนำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (ฝ่ายไทย) และฝ่ายกัมพูชานำโดย นายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (ฝ่ายกัมพูชา) และประธานทั้งสองฝ่ายร่วมแถลงข่าว ได้ข้อสรุปดังนี้ คือ
การประชุมเป็นไปภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันมิตร ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่ เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิม ที่ชำรุดหรือสูญหาย จำนวน 15 หลัก ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้ง และตำแหน่งเดิม โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดทำหลักเขตแดน เพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ จำนวน 3 หลัก ซึ่งจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับ การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว
1) ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจ และวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วน ในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47
2) เมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจ และวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสม สำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
3) การวางหมุดชั่วคราวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทย และกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบก ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
4) ทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 และเพื่อให้ชุดสำรวจ สามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวาง และการยั่วยุ ที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว
สุดท้ายทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไป ในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โฆษกเขมร โต้พื้นที่พิพาท “เปรยจัน-จกเจย” ไม่ใช่อธิปไตยไทย ย้ำต้องจบที่ JBC เท่านั้น
- “จตุพร” นัด 20 ต.ค. รวมพลังหน้า กต. ยื่นหนังสือยกเลิกประชุม JBC
- กัมพูชา ส่งจดหมายถึงผู้ว่า ขอรอผลประชุม JBC อ้างชาวเขมรอยู่มานาน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: