วันที่ 9 เมษายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือประมงพานิช ในจังหวัดกระบี่ กว่า 100 ลำ ทยอยกลับเข้าฝั่ง ที่ท่าเทียบเรือประมง ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ พร้อมประกาศหยุดออกทำการประมงตั้งวันนี้(9 เม.ย.)เป็นต้นไป เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการประกาศและการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการออกประกาศของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายแต่ในข้อเท็จจริงทาง ชาวประมงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ หากออกทำประมง ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษหนักมาก
นางรัชนี ประมงค์ ผู้ประกอบการเรือประมง ก.สินสมุทรนำโชค เปิดเผยว่า
หลังจากที่ทางรัฐบาลได้ออกประกาศและกฎระเบียบเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หลายประเด็น เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน การจ่ายเงินเดือนให้กับเรือประมง ที่ต้อง เปิดบัญชีลูกเรือทุกคน ต้องแสดงรายการเงินเดือน
กดให้ให้กับเจ้าหน้าที่ การทำสัญญาจ้าง การบันทึก เวลา พักผ่อนของลูกเรือขณะออกทะเลทำประมง การให้ลูกเรือสวมเสื้อชูชีพขณะทำงานบนเรือ
และการนำเรือเข้าจอดหลบคลื่นลมแรง ในเขตหวงห้าม ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน และเมื่อกลับถึงฝัง ต้องรอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนนำสัตว์ขึ้นฝั่งได้ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องหยุมหยิมปลีกย่อยจนเกินไป
โดยเฉพาะเวลาเกิดคลื่นลมแรง ชาวเรือต้องหาที่หลบลมหลบฝนก่อน
ให้รอแจ้งและอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนคงจะเป็นไปได้ยาก ทางภาครัฐเองก็ควรจะมองถึงความเป็นจริงด้วย ไม่ใช้ออกแต่ข้อบังคับอย่างเดียว โดยชาวประมงพาณิช ในจังหวัดกระบี่ จะหยุดออกทำประมงจนกว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหา
ขณะที่ทางเจ้าของแพรายหนึ่ง เปิดเผยว่า จากกฎระเบียบที่ออกมาเพิ่มมากขึ้นจนชาวเรือไม่สามารถนำมาปฎิบัติได้ และการออกเรือหยุดเรือแต่ละครั้งต้องลุ้นกันตลอดว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะค่าปรับสูงมาก ถึงแม้ว่าการนัดหยุดเรือกันออกจับปลา ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าขาดทุน เนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกเรือ และค่าจัดการอื่นๆเป็นจำนวนมาก แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงทำผิดกฎหมายประมง ไม่คุ้มกับค่าปรับและถูกจับดำเนินคดี
