ข่าวภูมิภาค

นายอำเภอถลาง นำทีมตรวจสอบเหตุพนักงานโรงแรมดังไล่นักท่องเที่ยวพ้นชายหาด อ้างเป็นพื้นที่ของโรงแรม

หลังจากมีการไลฟ์สด กรณีพนักงานโรงแรมดัง ไม่ให้นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ใช่แขกของโรงแรมนำเสื่อมาปูนั่งที่บริเวณชายหาดด้านหน้าโรงแรม โดยอ้างว่าบริเวณชายหาดดังกล่าวเป็นพื้นที่ของโรงแรม ล่าสุดเมื่อเวลา 17.15 น. วันนี้ ( 7 ม.ค ) นายกองโทอดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้มบก.ควบคุม พล.ร.5 นายจิรยุทธ์ จิรสุนทรกุล กำนันตำบลเชิงทะเล, นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต เชิงทะเล) และ ผู้ประกอบการชายหาด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณหาดเลพัง-บางเทา ด้านหน้าโรงแรมดุสิต ลากูน่า หลังได้รับมอบหมายจาก นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีการเผยแพร่คลิป ขณะเจ้าหน้าที่โรงแรมดังกล่าว ได้เข้ามาพูดคุยกับนักท่องเที่ยว เพื่อขอให้ออกจากบริเวณชายหาดหน้าโรงแรม จนมีการแชร์คลิปไปเป็นจำนวนมาก
นายกองโทอดุลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบว่า เป็นพื้นที่มีสภาพเป็นหาดทราย ซึ่งย่อมทำให้ทุกคนต้องเข้าใจว่าบริเวณดังกล่าวเป็นหาดสาธารณะ แต่ในข้อเท็จจริงที่ตรวจพบว่า แนวเขตที่ดินของโรงแรมดุสิตฯ หลักเขตทางด้านทิศตะวันตกซึ่งติดหาดและชายทะเล จะมีการแสดงแนวเขตที่ดินปักอยู่บริเวณบนหาดทราย ซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าสภาพจุดพื้นที่ที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่สาธารณะ และนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าใช้พื้นที่นั้นได้ จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเป็นที่มาของปัญหา
อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่บริเวณหาดเลพัง-บางเทา จะมีอยู่ 2 จุด ที่มีปัญหาโฉนดอยู่บนชายหาดทราย เหมือนกัน คือ หาดทรายหน้าโรงแรมอังสนา ลากูน่าภูเก็ต และโรงแรมดุสิต ลากูน่า โดยแนวเขตทิศตะวันตกจด กับที่ดิน นสล. เนื้อที่ 17 ไร่ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น จะมีการแจ้งผู้เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป
นายกองโทอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะลงพื้นก็ยังได้ประชุมหารือกับทางผู้ประกอบการโรงแรม ถึงแนวทางในการปฏิบัติเพื่อไม้ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเพราะภาพที่ออกไปนั้นยอมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมได้ ควรจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ไม้ควรที่ทำแบบนั้นกับนักท่องเที่ยวแม้ว่าขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในส่วนของโรงแรมก็ตาม เพราะถ้าโดยสภาพทุกคนที่เห็นพื้นที่ก็คงมีความเข้าเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันดูแลนักท่องเที่ยวและทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ส่วนเรื่องของที่ดิน ก็คงจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button