ข่าวข่าวภูมิภาค

‘ศรีสุวรรณ’ ยื่นหนังสือ แก้กฎหมายเอาผิด พระปาราชิก ทำศาสนาเสื่อมเสีย

‘ศรีสุวรรณ’ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการศาสนา แก้กฎหมาย พระปาราชิก ต้องได้รับโทษทางอาญา หลังข่าวฉาวสมีกาโตะสีกาตอง มีเพศสัมพันธ์ในรถบนสันเขื่อน ทำศาสนาพุทธเสื่อมเสีย

ล่าสุด (4 พ.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา เผยว่า สมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อขอให้พิจารณาแก้กฎหมายเอาผิดพระและสีกาที่เสพเมถุน ทำผิดพระธรรมวินัยขั้นปาราชิก ให้ได้รับโทษทางอาญา

หลังจากที่มีกรณีข่าวฉาววงการศาสนาของ สมีกาโตะ และ สีกาตอง ที่ไปชมเขื่อนและมีเพศสัมพันธ์กันบนรถ ทำให้กาโตะต้องโทษปาราชิกกลายเป็นสมีทันที และห้ามบวชอีกตลอดชีวิต ซึ่งได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีข้อกฎหมายใดเอาผิดได้ ต่างจากประเทศลาวซึ่งมีกฎหมายให้ผู้กระทำผิดในลักษณะนี้ต้องโทษจำคุก 3 ปี

แม้ว่าในประเทศไทย จะมีประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา (ม.206-208) แต่ก็ครอบคลุมเพียงความผิดเรื่องวัตถุหรือสถานที่อันเป็นที่เคารพ การก่อให้เกิดความวุ่นวายในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมหรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนา และการแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักบวชเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับการเอาผิดผู้ที่กระทำการชั่วช้าเลวทรามโดยการเสพเมถุนในขณะเป็นพระ ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย

ส่วนประเด็นเรื่อง คดียักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1623 ระบุไว้แต่เพียงว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้น จะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิต หรือโดยพินัยกรรม

ซึ่งไม่ได้บัญญัติป้องกันมิให้อลัชชีที่แอบเข้ามาบวชเป็นพระเอาผ้าเหลืองบังหน้าหากินสร้างชื่อเสียงมีเงินทองมากมาย จนสามารถนำไปปรนเปรอบำรุงบำเรอสีกาแอบโอนให้กันเป็นหมื่นเป็นแสนได้ หรือแอบนำไปให้ญาติซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ หรือพระบางรูปเมื่อลาสิกขาแล้ว ยังสามารถขนเอาทรัพย์สินเงินทองติดตามตัวไปด้วย จนสามารถนำไปทำธุรกิจมากมาย โดยกฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้

เพื่อเป็นการคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยการมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.67 กำหนด สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงนำกรณีดังกล่าวร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อใช้วิกฤติเป็นโอกาสในการเป็นต้นเรื่องในการเร่งเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อยับยั้งและป้องปรามผู้ที่กระทำการดังกล่าวเสียโดยเร็ว นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

โดยมีชาวเน็ตเข้ามาร่วมสนับสนุนให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดลักษณะนี้อย่างล้นหลาม

อ้างอิงจาก (1)

Lalita C.

นักเขียนคอนเทนต์ SEO แห่งทีมไทยเกอร์ไทย คลุกคลีกับการเขียนตั้งแต่สมัยเรียน ชอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ติดตามข่าวสารจากโลกออนไลน์ นำมาสรุป เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองน่าสนใจที่คนมักจะมองข้าม ทั้งข่าวบันเทิง บทความ งานเขียนแนวไลฟ์สไตล์ รวมถึงทุกอย่างที่อยากให้นักอ่านได้รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button