ข่าวข่าวการเมือง

‘ศรีสุวรรณ’ ยื่นหนังสือร้อง ‘ชัชชาติ’ ตรวจสอบ ‘สวนชูวิทย์’

ศรีสุวรรณ ยื่นหนังสือร้อง ชัชชาติ ตรวจสอบ สวนชูวิทย์ ว่ายังเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ชัชชาติ รับลูกเร่งสอบด้วยความเป็นธรรม

นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบถามกรณี สวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิท ซอย 10 ว่ายังเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่มีการก่อสร้างพลิกโฉมเป็นตึกสูงดังที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

สืบเนื่องจากเมื่อ 22 พ.ค.2548 นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จัดแถลงข่าวครั้งแรกระหว่างการต่อสู้คดีรื้อบารณ์เบียร์ในศาล เพื่อแสดงความตั้งใจว่าไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนดังกล่าว และจะนำที่ดินคืนสาธารณะให้สังคมโดยจัดทำเป็นสวนสาธารณะ และต่อมาวันที่ 24 ธ.ค.2548 ไม่ทันถึงปีนายชูวิทย์ก็จัดแถลงข่าวเปิดตัวสวนชูวิทย์และกล่าวในวันนั้นว่า เจตนาที่จะเสียสละนำที่ดินดังกล่าวสร้างเป็นสวนสาธารณะให้กรุงเทพมหานคร ให้เป็นปอดของคน กทม. ได้ใช้ประโยชน์แทนโครงการสร้างโรงแรม เรียกว่า “สวนชูวิทย์

ต่อมาในคดีรื้อบาร์เบียร์นั้น ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อ ม.ค.59 ว่าที่ดินพิพาทบริเวณสุขุมวิทซอย 10 นั้นศาลฎีกาเห็นว่าหลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว และยังมีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา

แต่ทว่าปัจจุบันสวนดังกล่าวไม่มีแล้ว เพราะถูกนำไปพัฒนาเป็นอาคารสูงโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ อันเป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมกันอย่างมากว่า การอุทิศที่ดินของนายชูวิทย์ให้เป็นสวนสาธารณะ โดยมิได้นำไปจดทะเบียนนั้น จะถือได้ว่าที่ดินกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามป.พ.พ.มาตรา 1304 โดยไม่จำต้องนำไปจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 525 อันมีผลโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ หากมีผลสมบูรณ์แล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม.ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความมาร้องถามผู้ว่าฯชัชชาติให้วินิจฉัยและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในวันนี้ ซึ่งหากท่านผู้ว่าฯวินิจฉัยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีสถานะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามกฎหมายแล้วไซร้ กทม.ก็ต้องดำเนินการเรียกคืนที่ดินแปลงดังกล่าวกลับมาเป็นสวนสาธารณะหรือให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามครรลองของกฎหมายต่อไป หากไม่ดำเนินการสมาคมฯจำต้องนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยได้มอบหมายให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม.และนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ไปดูรายละเอียดเรื่องการขออนุญาต การจ่ายภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ รวมถึงขอคัดคำพิพากษา เนื่องจาก กทม.ไม่มีข้อมูล

รวมถึงคำแถลงของ นายชูวิทย์ ต่อศาลด้วย สำหรับสวนชูวิทย์ไม่เกี่ยวข้องกับ กทม. ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ไม่ได้ลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น คงต้องรอทาง นายจักกพันธุ์ สรุป เพราะเรื่องนี้ต้องชัดเจน ยืนยันว่า กทม. ไม่ได้นิ่งนอนใจ

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button