คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงชาวโปรตุกีสวัย 36 กลายเป็นนักเตะคนแรกในวงการฟุตบอลที่สร้างความยิ่งใหญ่ไว้กับ 3 ลีกชั้นนำของยุโรป ด้วยการกวาดรางวัล ดาวซัลโว ครบทุกประเทศที่ย้ายไปค้าแข้ง ตามรายงานของสื่อชั้นนำอย่าง ESPN
Only one player in history has finished as top scorer in the Premier League, La Liga and Serie A.
Cristiano Ronaldo 💪 pic.twitter.com/RDEoael3iA
— ESPN FC (@ESPNFC) May 23, 2021
สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัล ดาวซัลโว ครั้งแรกในชีวิต สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่น 2007-08 โดยซัดไป 31 ประตู ช่วยให้ปิศาจแดงครองแชมป์พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวสามารถคว้า “บัลลงดอร์” มาครองเป็นสมัยแรกด้วยเช่นกัน
จากนั้นหลังเจ้าตัวก็ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด และเจ้าของฉายา CR7 ก็คว้ารางวัล “ปิชิชี” หรือดาวซัลโวลาลีกามาครองได้ 3 ครั้ง คือในปี 2010-11 (41 ประตู), 2013-14 (31 ประตู), และ 2014-15 (48 ประตู)
และล่าสุดในฤดูกาล 2020-21 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลดาวซัลโวลีกได้เป็นครั้งที่ 5 ในชีวิต หลังตะบันตาข่ายภายใต้ยูนิฟอร์ม ยูเวนตุส ไปทั้งสิ้น 29 ประตูจาก 33 นัดในศึก กัลโช่ เซเรีย อา
ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ โรนัลโด้ กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวได้ครบทั้ง 3 ลีกที่ย้ายไปค้าแข้ง พร้อมทั้งยังคว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรปมาครองได้ถึง 4 สมัย คือในปี 2008, 2011, 2014 และ 2015
