พรีเมียร์ลีก

โหมโรง ศึกแดงเดือด: ลิเวอร์พูล กับสองแต้มที่หายไป และพวกเขาจะไม่พลาดให้ แมนยู อีกครั้ง…

สำหรับ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว หากถูกถามถึงชื่อทีมที่จะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ และแน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ซะส่วนใหญ่อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เถอะ คงคิดไม่ต่างกัน

สิ่งที่เราอาจไม่ต้องบรรยายเพิ่มเติมแล้วว่าลูกทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ นั้นฟอร์มเปรี้ยงปร้างขนาดไหนในเกมลีก จนถึงเวลานี้พวกเขายังไม่เพลี้ยงพล้ำแพ้ให้กับทีมใดเลย ด้วยการชนะไปถึง 20 เกมและเสมอเพียง 1 เกมเท่านั้น

ดูจากตัวเลขเหล่านั้น เชื่อว่า เดอะ ค็อป บางกลุ่มบางท่านอาจจะไม่คิดมากกับผลงานตรงนี้ เพราะมันสุดยอดมาก ๆ อยู่แล้วล่ะ แต่เชื่อว่าต้องมีบางกลุ่มที่ยังคงนึกเสียดายกับ 2 แต้มที่หายไป และเป็นการหายไปให้กับทีมอย่าง ปีศาจแดง แมนยู ซะด้วย

ฉะนั้นวันนี้ เราขอมาเล่าเท้าความถึง ศึกแดงเดือด เลกแรกที่จบลงด้วยผล 1-1 และเกริ่นถึงยกที่สองที่จะลงเล่นกันในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ณ สนามแอนฟิลด์ ที่ถึงนี้ด้วยแล้วกัน รับรองว่าเดือดโคตร ๆ


ยกแรกที่เกือบเป็น แมนยูที่น็อคได้

สำหรับเกม แดงเดือด หนก่อน เชื่อว่าถือว่าเป็นเกมที่มาพร้อมกับความกดดันทั้ง หงส์แดง และ ปีศาจแดง เพราะทางทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ ที่แม้ว่าจะนำเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ที่มาพร้อมสถิติชนะรวด 8 นัด เก็บไป 24 คะแนนเต็ม และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการสะดุดในเกมนี้

ส่วนทางด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในตอนนั้นที่พาทีมรั้งอยู่อันดับ 14 ของตาราง ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างโซซักโซเซ จนแฟนบอลส่วนใหญ่คิดว่า ผีแดง ต้องโดนยำคา โรงละครแห่งความฝัน แหง ๆ

แต่เมื่อเกมเริ่มคิกออฟ เป็นทางด้าน แมนยู ของ โซลชา ที่บุกใส่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจจนมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 36 รวมถึงยังมีโอกาสอีกมากมายหลายครั้งที่จะบวกประตูที่สอง แต่ก็ไม่สามารถทำได้

ครึ่งหลังมา คล็อปป์ แก้เกมด้วยการทยอยส่งสำรองไพ่ใบสำคัญลงทีละใบ โดยหนึ่งในนั้นเป็น อดัม ลัลลาน่าที่ยังไม่สามารถเบิกสกอร์ให้กับทีมได้เลย กลายเป็นคนสำคัญยิงประตูให้ทีมตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 85 แถมท้ายเกมพวกเขายังเกือบแซงได้ด้วย

อย่างไรแล้ว เกมนี้ก็จบลงด้วยผลเสมอ แบ่งแต้มกันไป และเป็น ลิเวอร์พูล ที่สะดุดพลาดเก็บชัยเป็นนัดที่ 9 ติดต่อกัน เก็บ 1 คะแนนเป็นนัดแรกของฤดูกาล ทำเอาฝั่ง แมนยู แอบดีใจไม่น้อย ที่เป็นผู้ทำให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ หยุดการชนะต่อเนื่องเอาไว้


หลังจากแดงเดือดยกแรก หงส์แดงก็ไม่พลาดอีกเลย

เป็นเครื่องหมายคำถามสงสัยอยู่เหมือนกันว่า หลังจากที่ ลิเวอร์พูล หยุดคว้าชัยต่อเนื่องเป็นนัดที่ 9 ด้วยการสะดุดเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะทำให้ กุนซือเฮฟวี่เมทัล กับลูกทีมฟอร์มแกว่งไปบ้างหรือไม่ ? เพราะเกมต่อจาก แดงเดือด คือการเปิด แอนฟิลด์ รับมือ สเปอร์ส นั่นเอง

และ ไก่เดือยทอง ก็จุดประกายให้กับกองแช่งได้เป็นอย่างดี หลังจากได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จาก แฮร์รี่ เคน ในนาทีที่ 1 ทำเอา แฟนหงส์แดง ช็อกไปตาม ๆ กัน แต่โชคดีที่ยังมีเวลาเหลือมากพอที่จะให้พวกเขากลับมา

และเขาก็กลับมาได้จริง ๆ ซึ่งหากใครได้ดูถ่ายทอดสดในเกมนี้ จะเห็นเลยว่า สเปอร์ส ที่ยิงนำไปก่อน หลังจากนั้นพวกเขาไม่มีอะไรน่ากลัวอีกเลย ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ครองบอลและทำเกมบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว จนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก เฮนเดอร์สัน และได้ประตูจากลูกจุดโทษที่ยิงโดย โม ซาล่าห์

กลายเป็นเกมคัมแบ็คที่ หงส์แดง กลับมาได้แบบไม่ยากเย็นสักเท่าไร เพียงแต่ใช้การนวดและเข้าทำเรื่อย ๆ จนทางด้านลูกทีมของ โปเชตติโน่ ยวบกันไปเอง และเพลี้ยงพล้ำให้กับแนวรุกของ คล็อปป์ ในที่สุดและจนถึงวินาทีนี้ ลิเวอร์พูล ชนะต่อเนื่องมาแล้ว 11 เกม

ส่วน แมนยู หลังจากเสมอใน เกมแดงเดือด พวกเขามีคิวบุกไปเยือน นอริช ทีมรองบ๊วยในเวลานั้น ก่อนจะเอาชนะไปได้ไม่ยากเย็น 3-1 ไม่ใช่เกมที่ยาก แต่ยิงจุดโทษยากมาก เพราะทั้ง แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ที่ได้ยิงลูกโทษ ยิงพลาดกันทั้งคู่ไงล่ะ ถ้ายังจำกันได้ อย่างไรแล้ว ฟอร์มที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก็พาพวกเขามาอยู่ที่ 5 ของตารางแล้ว


รอบนี้ หงส์แดง ไม่เอาแค่แต้มเดียวแน่นอน

ถ้าหากอ่านจากข้างบนลงมา ก็พอสรุปได้แล้วว่า ลิเวอร์พูล รักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องและยอดเยี่ยม เกมไหนที่ดูจะไปไม่รอด ก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้ในที่สุด

ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับพวกเขาแล้วมักเป็นของแสลงกับบิ๊กทีมเสมอ แต่พอเจอกับทีมเล็กท้ายตาราง กลางตารางที่ดูแล้วยังไงก็ไม่น่าพลาด กลับทะลึ่งพลาดไปซะดื้อ ๆ หรือจะเป็นเกมที่นำอยู่ดี ๆ ก็แผ่วจนโดนคู่ไล่บี้ตีเสมอซะงั้น ขาดความสม่ำเสมอเสียจริง ๆ

แต่อย่างที่เป็นเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ไม่ว่าทั้งสองทีมนี้จะอยู่อันดับที่เท่าไร เจอกันในรายการไหน คำว่าศักดิ์ศรีมันมักจะค้ำคอพวกเขาอยู่เสมอ แต่ทำให้ไม่สามารถยอมอ่อนข้อให้กันได้เลยแม้แต่น้อย

แล้วยิ่งทั้งสองทีมต่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ลิเวอร์พูล ก็อยากจะเป็นแชมป์ ถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็อยากจะได้ถ้วยพรีเมียร์ลีกสีทอง หรือถ้าจะไม่ได้จริง ๆ ก็คงจะไม่อยากมาสะดุดแพ้เป็นเกมแรกให้กับ อริอย่าง แมนยู หรือจะเป็นแรงจูงใจสองแต้มที่หายไปจากเกมนัดแรก คงจะทำให้พวกเขาฮึกเหิมกว่าเดิมเลยทีเดียว

ส่วน ปีศาจแดง เองก็คงจะไม่อยากจะเป็นสะพานให้ หงส์แดง เหยียบขึ้นไปเถลิงแชมป์แบบไร้พ่ายให้ได้ข่มเช่นกัน แต่อย่างไรแล้ว ลิเวอร์พูล คงไม่อยากจะพลาดเสมอให้กับ แมนยู เป็นหนที่สองแน่นอน แถมเป็นการเล่นให้ แอนฟิลด์ ด้วยแล้วล่ะก็ ต้องสามแต้มสถานเดียวเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button