ข่าวการเมือง

“สีหศักดิ์” เผย “ไทย-กัมพูชา” ร่วมลงนาม 26 ต.ค. ชูปราบสแกมเมอร์

สีหศักดิ์ เผย ไทย-กัมพูชา ร่วมลงนาม 26 ต.ค. เป็นเอกสารที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ ชูปราบสแกมเมอร์ มีสหรัฐฯ-มาเลฯ เป็นสักขีพยาน

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงสาระสำคัญของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้นอกจากผู้นำอาเซียนจะพบกันเองแล้ว ยังจะพบผู้นำสำคัญ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย ซึ่งทุกคนให้ความสำคัญในการร่วมมือปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมทั้งหลาย เพราะเราเห็นแล้วว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดเฉพาะภูมิภาค แต่ส่งผลไปทั่วโลก คนเกาหลีใต้กำลังตกเป็นหยื่อ ในสหรัฐอเมริกาก็ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้

“เมื่อวานมีคนหลายสัญชาติ หลบหนีเข้ามาในไทย แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา ดังนั้นจะทำยังไงที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่วาระของอาเซียน แต่ควรจะเป็นวาระระหว่างประเทศ อาเซียนให้ความสำคัญต่อเนื่อง มีการประชุมระดับรัฐมนตรีในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ มีการจัดตั้งคณะทำงานของอาเซียนในการปราบปรามสแกมโดยเฉพาะ ไทยเรามีศูนย์ที่ปราบปรามขบวนการเหล่านี้ และสามารถใช้เป็นแกนกลางร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ทำอย่างไรเพื่อใช้กลไกให้มีประสิทธภาพ” นายสีหศักดิ์กล่าว

นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ไทยจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้แน่นอน และเชื่อว่าหลายประเทศจะเห็นความสำคัญ ร่วมมือกัน ที่สำคัญไทยจะเป็นแกนกลาง แกนนำในการส่งเสริมกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคและระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งจะปรากฏในเอกสารผลลัพธ์ของผู้นำอาเซียน และในถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีของไทยที่จะนำเสนอเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยไทยพร้อมที่จะมีบทบาทนำในเรื่องนี้ เราได้รับผลกระทบทั้งฝั่งเมียนมาและกัมพูชา ไทยมีกลไกภายในประเทศ มีความร่วมมือในกรอบอาเซียน เราอาจต้องคิดกันว่า อาเซียนจะขยายกรอบให้ได้รับความร่วมมือต่างๆ และน่าจะจัดการประชุมเรื่องนี้โดยเฉพาะหรือไม่

“อาเซียนและสหรัฐคุยกันเรื่องนี้มาตลอด เราอยากให้สหรัฐร่วมมือกับเรา และเราพร้อมปราบปรามสแกมเมอร์ คงเป็นเรื่องที่สำคัญที่อยากให้สหรัฐร่วมมือกัน รวมถึงจีนและเกาหลีใต้ก็ได้รับผลกระทบ ทุกประเทศเน้นถึงความสำคัญของเรื่องนี้” นายสีหศักดิ์กล่าว

นายสีหศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีชาวต่างชาติกว่า 1,000 คน หลบหนีเข้าไทย ที่ อ.แม่สอด จ.ตากว่า เราต้องคุ้มครองดูแลคนเหล่านี้ และต้องร่วมมือกันในการสอบสวน เพื่อนำไปใช้ในการปราบปรามและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เพื่อให้คนเหล่านี้กลับประเทศได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และให้บุคคลเหล่านี้ได้กลับประเทศโดยเร็ว

“อาเซียนต้องเสริมความเข้มแข็ง เพราะเราเจอความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง จีน-สหรัฐ เราคงไม่อยากเลือกข้างและต้องพยายามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสองมหาอำนาจ ไม่อยากให้เขานำความขัดแย้งของเขามาสู่ภูมิภาคของเรา เราเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสองมหาอำนาจ ไม่ใช่เฉพาะจีน สหรัฐ แต่ยังรวมถึงประเทศที่มีความสำคัญอย่างอินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เราพยายามดึงความร่วมมือของประเทศเหล่านี้ให้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคของเรา“ นายสีหศักดิ์กล่าว

นายสีหศักดิ์กล่าวว่า สหรัฐพยายามแสดงให้เห็นถึงบทบาทของเขาในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อยากเป็นแกนนำส่งเสริมอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เพื่อแสดงว่าสหรัฐยังเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคนี้ และที่สำคัญมีการเจรจาการค้า อาจจะมีการประกาศบรรลุข้อตกลงเรื่องการเจรจาภาษีกับบางประเทศ อย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย

เมื่อถามถึงการลงนามกับกัมพูชาที่กำลังจะเกิดขึ้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เรื่องไทย-กัมพูชา เราเน้นตลอดว่าเป็นเรื่องที่ไทยกับกัมพูชาต้องคุยกันและหาข้อยุติ 2 ฝ่ายคุยกันในประเด็นสำคัญ ทั้งเรื่องการลดกำลังทหาร การถอนอาวุธหนักจากชายแดน การกู้ทุ่นระเบิด และขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และทำอย่างไรกับการมารุกล้ำเข้ามาในเขตไทย ซึ่งไทยคุยกับกัมพูชามาตลอด สหรัฐเข้ามาในฐานะผู้หวังดี อำนวยความสะดวก และมาเลเซีย ตรงไหน ช่วยได้เป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าเขาโน้มน้าวให้กัมพูชามาคุยกับเราก็เป็นเรื่องดี

“การเจรจาในกรอบ 4 ฝ่าย หัวใจคือ 2 ฝ่าย แต่ 4 ฝ่ายทำให้เกิดความคืบหน้า เราเจรจาตั้งแต่นิวยอร์ก และที่กัวลาลัมเปอร์ 2 รอบ ซึ่งล่าสุดถือว่าคืบหน้าไปได้ดี ซึ่งเราเชื่อว่าจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติ การลงนามในกรอบจีบีซี สิ่งที่เราอยากเห็นต่อไปคือการปฏิบัติในพื้นที่ การกถอนอาวุธหนัก ทราบว่า วันที่ 25 ตุลาคม จะมีการประชุมของแม่ทัพภาค 4 ฝ่ายกัมพูชา กับแม่ทัพภาค 2 ของไทย เพื่อดูว่าการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักจะทำเมื่อไหร่ และในวันที่ 25 ตุลาคม จะมีการลงพื้นที่ดำเนินการเลย

นายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับฝ่ายไทย การตกลงกันแค่บนแผ่นกระดาษไม่เพียงพอเพียง เราต้องการเห็นการปฏิบัติ เพราะเราต้องการเห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เปิดหน้าใหม่ แต่การจะเปิดหน้าใหม่ ต้องตอบคำถามประชาชนคนไทยด้วย และคนไทยก็ให้ความสำคัญของศักดิ์ศรีของไทย การปกป้องอธิปไตยของไทย

“อยากยืนยันว่า การเจรจาของเรายึดหลักนี้ ถ้าเราสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ที่ไม่ทำให้สูญเสียอธิปไตย ปกป้องศักดิ์ศรีโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังทางทหารน่าจะดีที่สุด และข้อตกลงที่มาด้วยการเจรจาทางการทูต น่าจะมีความยั่งยืนที่สุด ขณะนี้สิ่งที่เราได้ตกลงกันปรากฏในเอกสาร ผมยังไม่อยากเรียกว่าข้อตกลงสันติภาพ แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์และข้อตกลงต่างๆ แต่การจะเกิดสันติภาพคือการปฏิบัติตามเอกสารที่เราจะลงนาม” นายสีหศักดิ์กล่าว

นายสีหศักดิ์กล่าวด้วยว่า การที่เรามีพิธีที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสหรัฐ มีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และอาจะมีประเทศอาเซียนอื่นร่วมด้วย เป็นสักขีพยานว่าจะนำไปสู่ปฏิบัติ ซึ่งทำฝ่ายเดียวไม่ได้ จะต้องมีกัมพูชาด้วย เรื่องที่เราเจรจา บางครั้งไม่ควรออกข่าวเยอะ เพราะเราเจรจากันอยู่ แต่จะเห็นว่าฝ่ายกัมพูชามักจะไปออกข่าว ซึ่งเราควรจะพูดในทางเดียวกัน ตรงนี้เป็นห่วง การที่เขาไปพูดฝ่ายเดียวทำให้เข้าใจผิด เราต้องมาชี้แจงท่าทีของเรา ทำให้ต้องชี้แจงกลับกันไปมา หวังว่าถ้าเราได้ลงนามในเอกสารคำประกาศจะได้เดินหน้าไปสู่การร่วมมือดำเนินมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เอกสารที่ทั้งสองประเทศจะลงนามเรียกว่า Joint Declaration between Thailand and Cambodia on the outcomes of their meetings leading to peace ซึ่งไทยอยากเห็นก่อนการลงนามว่า มีความเคลื่อนไหวในทางปฏิบัติอย่างไร อย่างการถอนอาวุธหนักในวันที่ 25 ตุลาคม ต้องเห็นการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงการกู้ทุ่นระเบิด เราจะเริ่มดำเนินการแล้ว หวังว่าเขาให้ความร่วมมือกับเรา อย่างน้อยต้องกำหนดวันว่าวันไหนจะเริ่มอย่างไร เพราะประชาชนคนไทย ต้องการรับรู้สิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการต่างประเทศและทหาร พยายายามให้ข้อมูลข่าวสาร การเกิดความเข้าใจผิดว่าเราไปตกลงอะไรไปแล้วประชาชนไม่รับรู้ เราจึงให้ความสำคัญเพราะ เรื่องนี้เกี่ยวกับอธิปไตย บูรณภาพดินแดน ประชาชนต้องรับรู้

“เราไม่ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพ แต่เป็นการลงนามในเอกสารที่กำหนดแนวทางที่จะแก้ปัญหาไปสู่สันติภาพ หลังการลงนามความร่วมมือของนายกรัฐมนตรี จึงต้องเห็นแนวทางปฏิบัติ อย่างน้อยจะเห็นว่าเราเดินมาในทางที่ถูกต้อง พยายามแก้ปัญหาหลักๆ มีการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และเมื่อเกิดการปฏิบัติ เราคงต้องมาดูการฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างไร เพราะไทยกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านกันเราต้องอยู่ด้วยกัน”

นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ไทยยืนยันที่จะคุยในกรอบทวิภาคีมาตลอด ในขณะที่กัมพูชาต้องการไปศาลโลก แต่ในระยะหลังท่าทีของกัมพูชาเปลี่ยนไปมาเน้นการเจรจาระดับทวิภาคี ซึ่งอาจเป็นผลที่สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาท รวมถึงมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน

“ไทยยืนยันตาม 4 ข้อตกลงที่เสนอไป โดยจะมีการเสนอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน จะทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่ามีการฏิบัติ ทั้งการหยุดยิง ลดกำลังตามชายแดน การถอนอาวุธหนักไปที่ตั้งเดิม และจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียนมาติดตามโดยสมัครใจ” นายสีหศักดิ์กล่าว

นายสีหศักดิ์ย้ำว่า ถ้าผู้นำลงนามแล้ว แสดงว่าระดับผู้นำแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง เราต้องเดินหน้าไปสู่การปฏิบัติ ไม่ใช่ลงนามในเอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งตอนคุยกับฝ่ายสหรัฐตอนเขาเริ่มประสานงาน เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง เพื่อไปสู่ปฏิบัติให้ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button