ลาก่อนสีดำ iPhone 17 Pro ตัดสีอมตะทิ้ง เหลือแค่ 3 สีใหม่ให้เลือก

Apple โบกมือลา สีดำในรุ่น IPhone 17 โปร เหลือเพียงสีเงิน, ส้มคอสมิก และน้ำเงินเข้มให้เลือก งานนี้ทำเอาแฟนคลับที่ชอบความเรียบหรูต้องคิดหนัก ว่าจะเลือกสีไหนดี
แฟนคลับ Apple หลายคนใจหาย หลังเปิดตัว iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max รุ่นใหม่ มาพร้อมดีไซน์ที่สดใหม่ ตัวเครื่องอะลูมิเนียม เกาะกล้องแบบขอบชนขอบทีสวนเก๋จนอยากอัปเกรด แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่ที่ “สี” ของตัวเครื่องที่ไม่มีสีดำ จะมีให้เลือกเพียง 3 สีใหม่ ได้แก่ สีเงิน (Silver), สีส้มคอสมิก (Cosmic Orange) และสีน้ำเงินเข้ม (Deep Blue)
การหายไปของสีดำถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสีดำไม่ใช่แค่สีที่สวยงามดูเรียบหรู แต่ยังเป็น “สีกันตาย” สำหรับหลายคน เป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนที่ไม่ต้องการสีสันฉูดฉาดหรือตามกระแสมากเกินไป ความดูพรีเมียมของสีดำคนชื่นชอบมาตลอด
แต่ 3 สีใหม่ที่เข้ามาแทนก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป
สีส้มคอสมิก หรือที่คนไทยแซว สีส้มจีวร ถูกวางให้เป็นพระเอกของไลน์อัป เป็นสีที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสดใส มีสไตล์ ต้องการเป็นจุดสนใจในฝูงชน ใครที่ชอบความแฟชั่น อยากให้คนเหลียวมอง ต้องเลือกสีนี้
สีน้ำเงินเข้ม ตัวเลือกใหม่สำหรับคนรักสีดำ ในปี 2024 Apple เคยเปิดตัว iPhone 15 Pro สีน้ำเงินไทเทเนียม (Blue Titanium) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง สีน้ำเงินเข้มใน iPhone 17 Pro น่าจะมาในโทนที่สุขุมและลึกกว่าเดิม ตอบโจทย์คนที่ต้องการความพรีเมียม ดูเป็นมืออาชีพ แต่ก็ยังมีความพิเศษในตัวเอง ไม่เรียบจนเกินไป
สีเงิน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกคลาสสิก แต่หลายคนอาจมองว่ามันดูธรรมดาเกินไป เพราะเราเห็น iPhone สีเงินหรือสีเทามาหลายรุ่นแล้ว อย่างไรก็ตาม สีเงินยังคงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย ดูสะอาดตา และเข้าได้กับทุกสไตล์แบบไม่ต้องคิดเยอะ
สรุปแล้ว ถ้าคุณเป็นสายแฟชั่น ชอบความโดดเด่น สีส้มคอสมิก คือคำตอบ หากคุณมองหาความเรียบหรูมาแทนที่สีดำ สีน้ำเงินเข้ม คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด แต่ถ้าคุณชอบความคลาสสิกและปลอดภัย สีเงิน ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีเสมอ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปรียบเทียบ iPhone 17 VS iPhone 16 ดีไซน์-ราคา อัปเกรดใหม่คุ้มค่าหรือไม่?
- เปิดราคา iPhone Air ชูโรง iPhone 17 บางสุด ในประวัติศาสตร์ Apple
- ชาวเน็ตจับผิด คลิปเปิดตัว iPhone Air เกาหลีลบภาพมือจีบออก เพราะเป็นท่าดูถูกขนาดน้องชาย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: