หมอสุรัตน์ เปิด 3 เคล็ดลับ ชะลอความแก่ ยกงานวิจัย ยืนยันได้ผลน่าทึ่ง

เคล็ดไม่ลับ อจ.หมอสุรัตน์ เปิด 3 ทริคเด็ด ชะลอความแก่ อ้างอิงงานวิจัยระดับโลก ยืนยันได้ผลลัพธ์น่าทึ่ง คนไทย และทั่วโลก ปฏิบัติตามได้ง่าย ๆ
หนุ่มสาวอยากหล่อสาวคงกระพัน ต้องฟัง! เมื่อล่าสุด (5 มีนาคม 2568) ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ออกมาโพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับ “การชะลอความแก่” ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ เผย 3 สิ่งสำคัญ ที่ปฏิบัติตามแล้วเห็นผลจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ทำการทดสอบ และถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Aging
งานวิจัยดังกล่าวได้ทำการทดสอบ สูตรลับ 3 ประสาน อันประกอบไปด้วย โอเมก้า-3, วิตามินดี, และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็พบว่า สามารถลดความชราในร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง
โพสต์ดังกล่าวระบุข้อความไว้ดังนี้ “ชื่อ การทดลอง DO-HEALTH โดยมุ่งเน้นที่ผู้เข้าร่วมอายุ 70 ปีขึ้นไปใน 5 ประเทศยุโรป ผู้เข้าร่วมถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ได้รับยาหลอกหรือ การใช้ 3 ประสาน (vit D, โอเมกา-3, ออกกำลัง)
ผลการวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานโอเมก้า-3 ขนาด 1 กรัม วิตามินดี 2,000 IU ต่อวัน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีการชะลอความชราทางชีวภาพลง 3-4 เดือนในช่วงสามปี
นอกจากนี้ กลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเปราะบางลดลง 39% และความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดรุกล้ำน้อยลงถึง 61% เฮ้ย ทำไม แค่ 3 องค์ประกอบนี้ ทำตัวเหมือนยา อายุวัฒนะ
- โอเมก้า-3 : สารอาหารสำคัญที่พบในปลาที่มีไขมันและเมล็ดแฟลกซ์ มีบทบาทในการลดการอักเสบและสนับสนุนสุขภาพหัวใจ
- วิตามินดี : วิตามินที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด และพบในอาหารบางชนิด มีบทบาทในการควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสเฟต สนับสนุนสุขภาพกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกายช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ รักษามวลกล้ามเนื้อ และปรับปรุงสุขภาพจิต
เราเอามาใช้ได้เลยไหม การศึกษานี้น่าสนใจ แต่ก็อาจต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลระยะยาวนะ แต่มันก็น่าสนใจดี”

เปิดประโยชน์ ‘โอเมก้า 3 – วิตามินดี’ สารอาหารสำคัญเพื่อสุขภาพ
นอกจาก โอเมก้า 3 – วิตามินดี จะเป็นยาอายุวัฒนะแล้วนั้น สารอาหารทั้งสองประเภทก็มีคุณประโยชน์อีกมากมายต่อสุขภาพหลากหลายด้าน ดังนี้
โอเมก้า 3
โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ มีประโยชน์มากมายที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์และโภชนาการ สรุปประโยชน์หลัก ๆ ได้ดังนี้
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ : ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความดันโลหิตเล็กน้อย และป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดการอักเสบ : มีฤทธิ์ลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรคหัวใจ
- พัฒนาสมอง : โดยเฉพาะ DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง มีความจำเป็นต่อพัฒนาการของสมอง โดยเฉพาะในเด็กทารกและเด็กเล็ก รวมถึงช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองในผู้ใหญ่
- ลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ : งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า โอเมก้า 3 อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ได้
- บรรเทาอาการซึมเศร้า : โอเมก้า 3 อาจมีส่วนช่วยในการปรับปรุงอารมณ์และบรรเทาอาการซึมเศร้าในบางกรณี
- ลดอาการปวดข้อและข้อแข็ง : ด้วยความที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ จึงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ข้อบวม และข้อแข็งในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และข้อเสื่อมได้บ้าง
- ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม : DHA ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่ง เป็นส่วนประกอบสำคัญของจอประสาทตา การได้รับโอเมก้า 3 ที่เพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
- งานวิจัยเบื้องต้น : มีงานวิจัยบางชิ้นที่บ่งชี้ว่า โอเมก้า 3 อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล
สำหรับ แหล่งอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก (เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาซาร์ดีน), เมล็ดพืช (เช่น เมล็ดแฟลกซ์, เมล็ดเจีย, วอลนัท) และ น้ำมันพืชบางชนิด (เช่น น้ำมันแฟลกซ์, น้ำมันคาโนลา)
วิตามินดี
วิตามินดี หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินแสงแดด เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก แม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างวิตามินดีได้เองเมื่อผิวหนังสัมผัสแสงแดด แต่หลายคนยังคงมีภาวะขาดวิตามินดี โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีผิวคล้ำ, หรือผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกแดด การได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพในหลายด้าน ดังนี้
- ดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส : วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร ซึ่งเป็นแร่ธาตุหลักที่จำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน : การได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอในระยะยาว อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุน ทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ : วิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่, วัณโรค และการติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ลดความเสี่ยงโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง : งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า วิตามินดีอาจมีบทบาทในการลดความเสี่ยงของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune diseases) เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด : บางงานวิจัยพบว่า การได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- มะเร็งบางชนิด : มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า วิตามินดีอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- เบาหวาน : วิตามินดีอาจมีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า : มีงานวิจัยที่เชื่อมโยงภาวะขาดวิตามินดีกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า การได้รับวิตามินดีที่เพียงพออาจช่วยปรับปรุงอารมณ์และลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในบางคน
- กล้ามเนื้อแข็งแรง : วิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและลดความเสี่ยงของการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
- การตั้งครรภ์และทารก : วิตามินดีมีความสำคัญต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และส่งเสริมพัฒนาการของทารก
ทั้งนี้ แหล่งวิตามินดีที่สำคัญ ได้แก่ แสงแดด ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เองเมื่อผิวหนังสัมผัสแสงแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. วันละ 10 – 15 นาที (ขึ้นอยู่กับสีผิวและสภาพผิว), อาหารที่มีวิตามินดีตามธรรมชาติ เช่น ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาแมคเคอเรล), ไข่แดง, เห็ดบางชนิด (เช่น เห็ดหอม, เห็ดชิตาเกะ) และผลิตภัณฑ์นมเสริมวิตามินดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เภสัชกรหญิงวัย 102 ปี เผย 6 เคล็ดลับสุขภาพดี ไม่ต้องจ่ายแพงก็ทำตามได้
- ตะลึง คุณแม่ลูกอ่อน เปิดภาพหุ่นแซ่บ สลัด 45 กิโลกรัม พร้อมแย้มเคล็ดลับสู่หุ่นปัง
- เคล็ดลับสุขภาพดี ‘วีรา แวง’ ในวัย 74 ปี เผยชื่อ “เครื่องดื่ม” อายุวัฒนะ ตัวช่วยสำคัญ