ข่าวต่างประเทศ

ทั่วโลกกังวล โรคลึกลับในคองโก ดับแล้ว 60 ชีวิต ป่วยนับพัน อาจเป็นพิษเคมี

ปริศนาโรคลึกลับในคองโก คร่าแล้ว 60 ชีวิต ตัวเลขผู้ป่วยนับพัน อัปเดตสถานการณ์ระบาดหนัก องค์การอนามัยโลก ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลก เผยทฤษฎีใหม่ที่น่าตกตะลึง “พิษจากสารเคมี” อาจเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้

ก่อนหน้านี้สำนักข่าว NBT อ้างรายงานขององค์การอนามัยโลก เมื่อเดือน ก.พ.ที่ตรวจสอบพบการระบาดของโรคปริศนาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ “ดีอาร์.คองโก” เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 53 คน และล้มป่วย 431 คน โดยอาการของผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดตามร่างกาย อาเจียนและท้องเสีย ส่วนถิ่นที่พบการระบาดอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลในจังหวัด “เอกวาเตอร์”

Advertisements

อีกทั้งยังพบการระบาดที่เกิดขึ้นเร็ว เช่น ที่หมู่บ้าน “โบมาเต” พบการติดเชื้อในหลักร้อยคน และเสียชีวิตครึ่งหนึ่งจาก 45 คนในพื้นที่ภายในเวลาเพียง 48 ชม. ด้านองค์การอนามัยโลกยืนยันต้นเหตุของโรคไม่ใช่ไวรัส อีโบล่า หรือ มาร์บวร์ก ขณะที่แพทย์ในพื้นที่ก็กำลังสอบสวนโรค โดยดูว่า มีความเกี่ยวข้องกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ , ไทฟอยด์ , มาลาเรีย และไข้เลือดออก หรือไม่

ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศอัปเดตตัวเลขโรคปริศนาที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 60 ราย ในคองโก ที่เคยสร้างความหวาดผวาไปทั่วโลก

ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกได้เปิดเผยทฤษฎีใหม่ที่น่าตกตะลึง “พิษจากสารเคมี” อาจเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โรคลึกลับที่ยังไม่ทราบสาเหตุได้คร่าชีวิตชาวคองโกไปอย่างรวดเร็ว อาการป่วยที่เกิดขึ้นกับผู้คนกว่า 1,300 ราย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสืบสวนหาต้นตอของโรคอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ป่วยส่วนใหญ่เสียชีวิตภายใน 24 ชม. หลังจากแสดงอาการ

ผลการตรวจเบื้องต้น “ไม่พบเชื้อไวรัสอีโบลา” หรือไข้เลือดออกอื่นๆ เช่น “มาร์เบิร์ก” ซึ่งเคยระบาดในคองโกมาก่อน ทำให้ปริศนาโรคนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก

Advertisements

ล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า “พิษจากสารเคมี” หรือ “เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย” อาจเป็นสาเหตุของโรคนี้ โดย WHO ได้ตั้งข้อสังเกตจากหลายปัจจัย เช่น การลดลงอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้เสียชีวิตในระยะหลัง, การกระจุกตัวของผู้ป่วยในพื้นที่จำกัด, กลุ่มอายุของผู้ป่วย และการดำเนินโรคที่รวดเร็วในช่วงแรกของการระบาด

“สมมติฐานการทำงานของเราคือ พิษจากสารเคมี หรือกลุ่มอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรียที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีพื้นฐานมาจากมาลาเรียและโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่เป็นโรคประจำถิ่นในภูมิภาค” เนื้อหาจากในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดของ WHO ระบุ

กบฏ M23 กำลังลาดตระเวนในศูนย์กลางของเมืองบูคาวู ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของคองโกตะวันออก ในคิวูใต้ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.พ.2025
กบฏ M23 กำลังลาดตระเวนในศูนย์กลางของเมืองบูคาวู ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของคองโกตะวันออก ในคิวูใต้ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.พ.2025 ภาพ @AP Photo/Janvier Barhahiga.

ขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญกำลังทำการวิเคราะห์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อม รวมถึง “น้ำ” เพื่อตรวจสอบสาเหตุทางเคมีที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาว่าโรคประจำถิ่นอื่นๆ เช่น “มาลาเรีย” อาจมีส่วนทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้นและเสียชีวิต

ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.พ.ระบุว่า มีผู้ป่วยที่มีอาการของโรคลึกลับนี้ทั้งหมด 1,318 ราย โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผลตรวจพบเชื้อมาลาเรีย

WHO ยังระบุอีกว่า กลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ตอนต้น โดยเฉพาะผู้ชาย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างไม่สมส่วน

การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นในเมืองโบโลโก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคองโก หลังจากการเสียชีวิตของเด็ก 3 คน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการกินค้างคาวที่ตายแล้ว และแสดงอาการของไข้เลือดออก โดยภายในวันที่ 27 มกราคม 2025 มีผู้ป่วยทั้งหมด 12 ราย และเสียชีวิต 8 ราย

ต่อมาโรคระบาดระลอก 2 เกิดขึ้นในเมืองโบมาเต ห่างจากโบโลโกประมาณ 180 กม. เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งสองเมืองอยู่ห่างจากเมืองหลวงประจำจังหวัด Mbandaka ประมาณ 300 กิโลเมตร

ผู้คนให้ความช่วยเหลือเหยื่อหลังจากเกิดระเบิดสองครั้งในที่ประชุมของผู้นำกลุ่มกบฏ M23 และประชาชนในเมืองบูคาบู ทางตะวันออกของคองโก เมื่อ 27 ก.พ.2025
ผู้คนให้ความช่วยเหลือเหยื่อหลังจากเกิดระเบิดสองครั้งในที่ประชุมของผู้นำกลุ่มกบฏ M23 และประชาชนในเมืองบูคาบู ทางตะวันออกของคองโก เมื่อ 27 ก.พ.2025 ภาพ @AP Photo/Janvier Barhahiga

WHO ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงชุดตรวจไปยังพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนทีมและอุปกรณ์ที่ส่งไป

ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นยังคงอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ในขณะที่ความเสี่ยงในระดับโลกถูกประเมินว่า “ต่ำ”

อาการของผู้ป่วยประกอบด้วย ไข้สูง, อาเจียน, ท้องเสีย, ปวดเมื่อยตามร่างกาย และกระหายน้ำอย่างรุนแรง เด็กบางรายมีเลือดกำเดาไหล, อาเจียนเป็นเลือด และร้องไห้อย่างต่อเนื่อง

ความท้าทายในการควบคุมโรคคือ พื้นที่ห่างไกลทำให้การเข้าถึงผู้ป่วยเป็นไปได้ยาก และโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่อ่อนแอทำให้การเฝ้าระวังและการจัดการผู้ป่วยเป็นไปได้ยากเช่นกัน

รายงานของเดลีเมล์ระบุ เหตุการณ์นี้เป็นการระบาดของโรคที่ไม่ทราบสาเหตุครั้งที่ 2 ในคองโก ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน หลังจากที่ผู้คนกว่า 400 ราย ป่วยในปลายเดือนธันวาคม ซึ่งภายหลังพบว่าเกี่ยวข้องกับมาลาเรียและการขาดสารอาหาร.

ประธานาธิบดีเฟลิกซ์ ชิเซเคดี ผู้นำดีอาร์คองโก
เฟลิกซ์ ชิเซเคดี ประธานาธิบดีดีอาร์คองโก (แฟ้มภาพ @AP Photo/Christophe Ena, File)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button