สุขภาพและการแพทย์

ล้วงลึก 5 ข้อเสีย การกิน คีโต วิธีลดน้ำหนักสุดฮิต เสี่ยงคอลเลสเตอรอล-ขาดสารอาหาร

รู้เท่าทันสุขภาพ ‘หมอเจด นพ. เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์’ พาเจาะลึก 5 ข้อเสีย ของการกิน “คีโต” สุดยอดวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยม แม้ช่วยลดน้ำหนักได้รวดเร็ว แต่ก็มีข้อต้องระวังไม่น้อย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกิน “คีโต” เป็นหนึ่งในวิธีการกินเพื่อลดน้ำหนัก ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยหลักการที่ทำให้วิธีนี้เห็นชัดจริงในการควบคุมน้ำหนักคือ การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต ในอาหารให้เหลือน้อยมาก ๆ และเพิ่มปริมาณไขมันให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “คีโตซีส” (Ketosis) หรือ ภาวะการเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล

Advertisements

ด้วยกระแสที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ล่าสุด (4 มีนาคม 2568) “หมอเจด” หรือ นพ. เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ‘การกินคีโต’ พร้อมเผย 5 ข้อเสีย ที่ส่งผลต่อสุขภาพ เพื่อเป็นแนวทางในผู้ลดน้ำหนักทุกท่านพิจารณาดูว่า การกินคีโตนั้นเหมาะกับร่างกายหรือไม่

สำหรับ 5 ข้อเสียของ คีโต มีดังนี้

1. ช่วงแรกอาจรู้สึกเหมือนจะไม่ไหว (Keto Flu)

เริ่มทำใหม่ ๆ หลายคนเจออาการที่เรียกว่า “Keto Flu” หรือไข้คีโต ซึ่งเกิดจากร่างกายที่เคยชินกับการใช้คาร์บเป็นพลังงาน ต้องเปลี่ยนมาใช้ไขมันแทน ผลที่ตามมาคือ ปวดหัว, เพลีย ๆ ไม่มีแรง, คลื่นไส้ อยากอ้วก, นอนไม่ค่อยหลับ และ เป็นตะคริว

อันนี้เป็นเรื่องปกติของช่วงปรับตัว สาเหตุหลักมาจากการที่ไกลโคเจนในร่างกายลดลง ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สำคัญ เช่น โซเดียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม อาจเจอแบบนี้ ประมาณ 1-2 สัปดาห์แรก ใครไม่เตรียมตัวอาจถอดใจไปก่อน

Advertisements

วิธีแก้

  • ดื่มน้ำเยอะขึ้นกว่าปกติ
  • เติมเกลือแร่ด้วยน้ำซุปกระดูก หรือเกลือหิมาลายัน
  • กินไขมันดีให้พอ เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก

2. เสี่ยงขาดสารอาหาร ท้องผูก หรือท้องเสีย

พอลดคาร์บเยอะ ๆ ก็ต้องตัดอาหารบางอย่างออกไป เช่น ข้าว ขนมปัง ผลไม้หลายชนิด และถั่วบางประเภท นั่นหมายความว่าเรามีโอกาส ขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น ไฟเบอร์ต่ำ ทำให้ท้องผูกบ่อย, ขาดวิตามิน C และ B ทำให้ผิวแห้ง อ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันตก และ ขาดแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ทำให้เป็นตะคริวง่าย บางคนที่ร่างกายปรับตัวไม่ทัน อาจเจอ ท้องเสีย เพราะกินไขมันเยอะเกินไปจนลำไส้รับไม่ไหว

วิธีแก้

  • เน้นผักใบเขียว เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี
  • กินถั่วและอะโวคาโดเพิ่มแมกนีเซียม
  • กินถั่วและอะโวคาโดเพิ่มแมกนีเซียม
  • อาจหาอาหารเสริมมาเป็นตัวช่วย เช่น แมกนีเซียมและวิตามิน B

3. ไตและตับต้องทำงานหนักขึ้น

แม้ว่า Keto จะไม่ได้เน้นโปรตีนเยอะมาก แต่หลายคนที่ทำ มักจะเผลอกินโปรตีนเยอะเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ ชีส ไข่ ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น เพราะต้องขับของเสียจากโปรตีนออกทางปัสสาวะ

ความเสี่ยง

  • คนที่เป็นโรคไต ควรหลีกเลี่ยง
  • ระดับไขมันในเลือดอาจเพิ่มขึ้น หากเลือกไขมันที่ไม่ดี

วิธีแก้

  • เลือกโปรตีนที่ดี เช่น ปลา ถั่ว และโปรตีนจากพืช
  • เลี่ยงไขมันจากเนื้อสัตว์ติดมัน แล้วหันไปใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโดแทน

4. อาจส่งผลต่อคอเลสเตอรอลและหัวใจ

Keto ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล แต่ถ้าเลือกกินไขมันผิดประเภท เช่น ไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ ชีส และเนย อาจทำให้ไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) เพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ข้อควรระวัง

  • อย่ากินไขมันจากสัตว์เยอะเกินไป
  • เลี่ยงของทอด และไขมันทรานส์ (ไขมันแปรรูป)

วิธีแก้

  • เน้นกินไขมันดีจากปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่ว
  • ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันทั่วไป
  • ตรวจระดับไขมันในเลือดเป็นระยะ

5. อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคนและยากต่อการรักษาในระยะยาว

Keto Diet อาศัยการใช้วินัยที่สูงนะ เพราะต้องลดคาร์บให้ต่ำมาก และกินไขมันเป็นพลังงานหลัก ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึก กดดันและเลิกทำกลางคัน นอกจากนี้ ยังไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ทำให้อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะ Ketoacidosis, หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ทำให้อาจกระทบการพัฒนาของเด็ก และนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องใช้พลังงานสูง ทำให้อาจขาดพลังงานจากไกลโคเจน

ปัญหาหลัก

  • หลายคนเลิกทำเพราะเบื่อและเคร่งครัดเกินไป ถ้ากลับไปกินคาร์บปกติ อาจเกิดโยโย่เอฟเฟกต์

วิธีแก้ไข

  • ลองใช้ Cyclic Keto (เว้นช่วงกินคาร์บ) หรือ Targeted Keto (กินคาร์บเฉพาะวันออกกำลังกาย
  • ฟังร่างกายของตัวเอง ถ้ารู้สึกไม่ดี ควรปรับวิธีการกินให้เหมาะสม

ด้วยเหตุนี้ ทาง หมอเจด จึงสรุปให้ว่า Keto Diet ไม่ได้เหมาะกับทุกคน จริงอยู่ที่มันจะช่วยลดน้ำหนักได้เร็ว และมีข้อดีในเรื่องของการควบคุมระดับน้ำตาล แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่หากอยากจะลอง ก็ควรเลือกกินไขมันที่ดี เติมเกลือแร่ให้พอ และปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เมื่อใดที่รู้สึกไม่ดี อาจลองปรับเป็น Low-Carb หรือแนวทางอื่นที่เหมาะกับร่างกายเรามากกว่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button