อากาศหนาว อาบน้ำอุ่น เสี่ยงโรคหัวใจ-สโตรก หมอแนะ 2 วิธีป้องกัน
อากาศหนาว ระวังอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงก่อน-หลังอาบน้ำ “เสี่ยงโรคหัวใจและสโตรก” หมอแนะ 2 วิธีป้องกัน
ประเทศไทย กลางเดือนธันวาคม กรมอุตุเตือนว่าอากาศหนาวจะกลับมาอีกระลอก คนที่อยู่ประเทศไทยตอนบนต้องระวัง หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน กลับบ้านไปอาบน้ำอุ่นๆ นายแพทย์หลิวป๋อเหริน แพทย์ด้านโภชนาการของไต้หวันเตือนว่า ในช่วงอากาศหนาว ไม่ควรให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงมากเกินไปก่อนและหลังอาบน้ำ เพราะการกระตุ้นระบบหลอดเลือดและหัวใจมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและสโตรก จึงแนะนำให้รอให้ร่างกายอุ่นขึ้นก่อนอาบน้ำในตอนกลางคืน และหลังอาบน้ำให้รีบสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นทันที
น้ำที่ใช้อาบควรมีอุณหภูมิอุ่นพอเหมาะ ประมาณ 37–40 องศาเซลเซียส การใช้น้ำร้อนเกินไปอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ในขณะที่การใช้น้ำเย็นอาจกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวจนเกิดความดันโลหิตสูง
นพ.หลิวได้โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการการแพทย์หลิวป๋อเหริน” ว่าเมื่ออากาศหนาวมาก ต้องระวังอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากเกินไปก่อนและหลังอาบน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือดมากเกินไป เขาเน้นย้ำว่าการรักษาความอบอุ่นเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในช่วงคลื่นความหนาว เพราะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรุนแรงอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไปหรือหดตัวเร็วเกินไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและสโตรก
นอกจากนี้ ทีมการตลาดแบบบูรณาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการได้โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “บทเรียนอาหารดี” ระบุว่า ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว หลอดเลือดจะหดตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี เลือดข้นขึ้น และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งหรืออุดตัน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยที่มีภาวะไขมัน น้ำตาล และความดันสูง รวมถึงผู้สูงอายุ ควรระวังรักษาความอบอุ่นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดสโตรกและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หากต้องการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แนะนำให้
- รับประทานผักและผลไม้ให้มาก โดยทานผัก 3 ส่วน และผลไม้ขนาดเท่ากำปั้น 2 ส่วนต่อวัน
- เลือกธัญพืชไม่ขัดสีและธัญพืชผสมแทนแป้งขัดขาว (เช่น ข้าวกล้อง ข้าวที่มีจมูกข้าว ข้าวดำ มันเทศ ยามาโมโตะ และฟักทอง)
- เลือกทานอาหารทะเลแทนเนื้อแดง โดยแนะนำให้ทานปลาอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์
- ลดการรับประทานเนื้อแปรรูป ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาล และอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูง
การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดในอากาศหนาว
ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ระบบหัวใจและหลอดเลือดจะตอบสนองต่อความเย็นโดยการหดตัวของหลอดเลือดเพื่อลดการสูญเสียความร้อน การหดตัวของหลอดเลือดทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะหัวใจต้องสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือดที่แคบลงมากขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เช่น การอาบน้ำอุ่นทันทีหลังอยู่ในอากาศเย็น อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ระบบหัวใจทำงานหนักและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ในอากาศหนาว ร่างกายมักเสียน้ำมากกว่าปกติจากการหายใจและปัสสาวะ ส่งผลให้เลือดข้นขึ้นและไหลเวียนได้ช้าลง เลือดที่มีความหนืดสูงนี้เพิ่มโอกาสในการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจอุดตันหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ การหดตัวของหลอดเลือดยังทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจและสมองลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเกิดสโตรกหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
นอกจากนั้น ความหนาวเย็นยังกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ความดันที่เพิ่มขึ้นนี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อหลอดเลือดที่เปราะบาง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและสโตรก โดยเฉพาะในช่วงอากาศหนาว การดูแลรักษาความอบอุ่นของร่างกายและการป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการรักษาสุขภาพในช่วงอากาศหนาว
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยรักษาความอบอุ่น ได้แก่ การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น การสวมเสื้อผ้าหลายชั้นที่ทำจากวัสดุที่สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี การใช้ถุงมือ ถุงเท้า และหมวกเพื่อป้องกันความร้อนออกจากร่างกาย นอกจากนี้ การดื่มน้ำอุ่นหรือเครื่องดื่มที่ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกาย เช่น ชาขิง หรือโกโก้ร้อน จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการพักผ่อน การใช้ผ้าห่มไฟฟ้าหรือถุงน้ำร้อนก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้ดี
การออกกำลังกายในช่วงอากาศหนาวก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและรักษาความอบอุ่นของร่างกาย กิจกรรมที่เหมาะสมในอุณหภูมิต่ำ เช่น การเดินเร็ว การโยคะในที่ร่ม หรือการออกกำลังกายในบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสความหนาวโดยตรง
สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันความเย็นได้ดี และวอร์มร่างกายก่อนเริ่มกิจกรรมอย่างเพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากความเย็น การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพและความแข็งแรงได้แม้ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่สุดครับ!