วิจัยชี้ น้ำหนักลดฮวบ หายใจยาก อาหารไม่ย่อย เตือนมะเร็ง เช็กอาการด่วน
งานวิจัยเผย น้ำหนักลดฮวบโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็ง มีแนวโน้มสูงที่จะตรวจพบภายใน 3-6 เดือน ชี้สัญญาณที่อาจถูกมองข้าม
เดือนตุลาคม 2567 เดอะบีเอ็มเจ หรือ British Medical Journal (BMJ) วารสารการแพทย์รายสัปดาห์ ได้เผยผลวิจัย จากการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งกว่า 900 รายพบว่า ผู้ที่น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคมะเร็ง มีแนวโน้มสูงที่จะตรวจพบมะเร็งภายใน 3-6 เดือน
การวิจัยนี้ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างกว่า 60,000 คน โดยกว่าครึ่งเป็นผู้หญิง ผลการวิจัยพบว่า ภายใน 6 เดือนหลังจากวินิจฉัยและรักษาภาวะน้ำหนักลด มีผู้ป่วย 908 คน (1.4%) ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง โดย 882 คน (97.1%) มีอายุมากกว่า 50 ปี มะเร็งที่พบมากที่สุดคือ มะเร็งปอด รองลงมาคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ ไอ ปวดท้อง ปวดหลัง ติดเชื้อที่หน้าอก และอ่อนเพลีย
นอกจากนี้ผลวิจัยยังเผยว่า สำหรับผู้ชาย หากน้ำหนักลดฮวบ ควรสังเกตอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง เบื่ออาหาร กลืนลำบาก ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก มีก้อนในท้อง มีอาการผิดปกติที่หน้าอก โลหิตจาง ตัวเหลือง และต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงมะเร็ง
สำหรับผู้หญิง หากน้ำหนักลดฮวบ ควรสังเกตอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง เบื่ออาหาร ปวดหลัง ขับถ่ายผิดปกติ อาหารไม่ย่อย มีก้อนในท้อง เจ็บหน้าอก โลหิตจาง ตัวเหลือง ต่อมน้ำเหลืองโต และเส้นเลือดขอดอักเสบ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงมะเร็ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้จะมีขนาดเล็กและยังต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องเพิ่มเติม แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนใส่ใจกับความผิดปกติของร่างกาย หมั่นสังเกตตัวเอง และรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการน่าสงสัย เพื่อป้องกัน ตรวจหามะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
สัญญาณเตือนมะเร็งที่มักถูกมองข้าม
ในชีวิตประจำวัน เราควรใส่ใจกับความรู้สึกไม่สบายตัว หรือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคมะเร็ง หรือระยะก่อนเป็นมะเร็งก็เป็นได้ โดยทั่วไปแล้ว อาการที่อาจบ่งบอกถึงโรคมะเร็ง มีดังต่อไปนี้
1.น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุและอ่อนเพลีย
หากน้ำหนักตัวของคุณลดลงมากกว่า 5% ภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนัก หรือไม่ได้ควบคุมอาหาร และไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น น้ำตาลในเลือดผิดปกติ โรคไทรอยด์ ท้องเสียเรื้อรัง เป็นต้น แต่คุณยังคงมีอาการต่างๆ เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อหาสาเหตุ
2.ก้อนเนื้อ หรือตุ่มต่าง ๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุ
หากพบก้อนเนื้อ หรือตุ่มที่ผิดปกติขึ้นตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น ก้อนเนื้อที่เต้านม อัณฑะ ใต้ผิวหนัง หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ ควรให้ความสนใจและเฝ้าระวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังเป็นผื่นแดง มีอาการเจ็บปวด เส้นเลือดผิดปกติ สีของก้อนเนื้อเปลี่ยนไป หรือมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
3.อาการปวดเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการปวดอาจเกิดจากโรคเรื้อรัง การบาดเจ็บของกระดูก ฯลฯ แต่หากอาการปวดนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ทราบสาเหตุ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และป้องกันความเสี่ยงของเนื้องอก
4.ไอเรื้อรัง
ผู้ป่วยมะเร็งปอดบางรายมีอาการไอเรื้อรังร่วมด้วยเมื่อได้รับการวินิจฉัย นอกจากนี้ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต มะเร็งต่อมลูกหมาก ฯลฯ ที่ลุกลามไปยังปอด ก็อาจทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังได้เช่นกัน ดังนั้น หากมีอาการไอเรื้อรัง ควรรีบไปตรวจร่างกายแต่เนิ่น ๆ
5.หายใจลำบาก
เมื่อมะเร็งปอดลุกลามถึงระยะหนึ่ง อาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย หากคุณมีอาการหายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย หรือหายใจลำบากเป็นประจำ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ตรงจุด
6.มีเลือดออกผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากมีเลือดออกผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ เราควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการดังกล่าว
7.การเปลี่ยนแปลงของอุจจาระ
อาการท้องผูก ท้องเสียเรื้อรัง หรือมีอาการทั้งสองอย่างสลับกันไปมา อาจเป็นสัญญาณเตือนของเนื้องอกในระบบทางเดินอาหาร
เนื้องอกมะเร็งของตับอ่อนและตับอาจส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอุจจาระมีไขมันปะปนในระดับต่าง ๆ หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
8.อาหารไม่ย่อยเรื้อรัง
หากคุณมีอาการอาหารไม่ย่อยเรื้อรัง เบื่ออาหาร กรดไหลย้อน เรอเปรี้ยว ปวดท้องส่วนบน และรู้สึกไม่สบาย อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นแค่โรคกระเพาะ แต่ควรระวังว่าอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งหลอดอาหาร
อ้างอิง: British Medical Journal (BMJ), kenh14.vn
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศัลยแพทย์แนะ คู่รักเลิกทำ “ออรัลเซ็กซ์” หากไม่อยากเสี่ยงเป็นมะเร็งลำคอ
- หนุ่มโวยหมอ กินแต่ของดีๆ ทำไมเป็นมะเร็งลำไส้ สุดท้ายลูกแฉ หมอถึงกับส่ายหัว
- รู้จัก “โรคมะเร็งอัณฑะ” ภัยเงียบชายไทย แม้ไม่รุนแรง แต่กระทบใจ