Line Newsข่าวอาชญากรรม

ย้อนคดีดังที่ใช้ “ไซยาไนด์” ปลิดชีพเหยื่อ ทั้งในไทยและต่างแดน

ย้อนเส้นทางคดีฆาตกรรมที่ใช้ สารไซยาไนด์ ลงมือสังหารเหยื่อ รวมดคดีดังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมโทษที่ฆาตกรแต่ละคนได้รับ

จากกรณีพบศพผู้เสียชีวิต 6 ราย ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ผลการตรวจเลือดเบื้องต้นพบ สารไซยาไนด์ บริเวณภาชนะในที่เกิดเหตุ คดีดังกล่าวจึงนับเป็นคดีฆาตกรรมด้วยสารไซยาไนด์ที่ีมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และผู้คนให้ความสนใจหลังจากที่เคยมีคดีของแอม ไซยาไนด์ วันนี้ทีมงาน The Thaiger จึงรวบรวมคดีดังที่ใช้ไซยาไนด์ในการปลิดชีวิต ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทย และการก่อเหตุที่ต่างประเทศมาไว้ในบทความนี้

คดี 6 ศพในโรงแรมย่านราชประสงค์

กลานเป็นข่าวดังที่กำลังได้รับความสนใจ ตั้งแต่คืนวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังพบศพนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษ ภายหลังการพิสูจน์ผลเลือดพบ Super Toxin

ตำรวจคาดว่าเป็นสารเคมีในกลุ่มไซยาไนด์ สอดคล้องกับที่รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลง ตรวจพบไซยาไนด์บนแก้วน้ำชาที่อยู่ในห้องของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย ซึ่งมีข่าวล่าสุดสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิต คาดว่าจะเป็น Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี ทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุปผลการชันสูตรเพิ่มเติม และยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ก่อเหตุที่่ชัดเจน

ตำรวจแถลงพบไซยาไนด์บนแก้วในห้องของผู้เสียชีวิตชาวเวียดนามทั้ง 6 คน

คดีแอม ไซยาไนด์

แอม สรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้ก่อเหตุสังหารผู้เสียชีวิตด้วยการวางยาไซยาไนด์ถึง 12 ราย โดย ‘แอม ไซยาไนด์’ เริ่มเป็นที่รู้จักหลังจากเหตุเสียชีวิตของ ก้อย – ศิริพร ขันวงษ์ ซึ่งหมดสติและเสียชีวิตลง หลังจากไปปล่อยกับแอมในวันที่ 14 เมษายน 2566 โดยผลชันสูตรพบสารไซยาไนด์ในร่างกายผู้เสียชีวิต จากนั้นแอมจึงถูกจับตาจากสื่อทุกสำนัก เธอเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวและถูกจับกุมในที่สุด

เนื่องจากตำรวจพบสารไซยาไนด์ภายในบ้านของแอม และเมื่อนำสืบต่อไปก็พบว่าคนรอบตัวของเธอเสียชีวิตอย่างปริศนาหลายราย โดยเฉพาะ ‘วงแชร์มรณะ’ ที่สมาชิกเกือบทุกคนได้เสียชีวิตลง โดยมีแอมเป็นท้าวแชร์ หลังจากการสืบสวนย้อนไปในคดีการเสียชีวิตของเหยื่อทุกราย

ทำให้แอมโดนแจ้งข้อหาในลักษณะเดียวกัน คือ ข้อหาตัวการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาลักทรัพย์ โดยในปัจจุบันศาลยังไม่มีคำสั่งลงโทษหรือตัดสินว่าแอมเป็นผู้มีความผิดจริงหรือไม่

แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง เหตุจากการวางยาไซยาไนด์

คดีสัตวแพทย์หญิงพร้อมลูกสาววัย 12ปี

แม้เหตุกาณณ์นี้จะไม่ใช่คดีฆาตกรรม แต่ก็เป็นข่าวน่าเศร้าที่มีสาเหตุจากไซยาไนด์เช่นกัน เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา มีเหตุสัตวแพทย์หญิงพร้อมลูกสาววัย 12 ปีเสียชีวิตในบ้านพัก และได้ทิ้งจดหมายสั่งลามีข้อความระบุไว้ว่า “เผาทันที ไม่ต้องสวด ไม่ต้องจัดงาน ใส่โลงเดียวกันนะ ขอให้การตายครั้งนี้นำมาซึ่งอิสรภาพทั่วทุกจักรวาล” เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนฺษฐานว่าอาจมีเหตุมาจากปัญหาครอบครัว และปัญหาหนี้สินของผู้เสียชีวิต โดยตรวจพบกระปุกไซยาไนด์ในที่เกิดเหตุ พร้อมถ้วยที่มีคราบยาดังกล่าว

สัตวแพทย์หญิงกินไซยาไนด์ ฆ่าตัวตายพร้อมลูกสาว

คดี “ไซยาไนด์ มัลลิกา”

เคมปามมะ (Kempamma) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Cyanide Mallika’ คือ ฆาตกรหญิงต่อเนื่องคนแรกของประเทศอินเดีย เธอก่อเหตุฆ่าผู้หญิง 6 รายในปี 2542 และก่อเหตุเพิ่มเติมอีก 5 รายในปี 2550 โดยวิธีการที่ใช้สังหารคือเธอจะไปอยู่ที่วัดเป็นประจำ เพื่อสังเกตและหาเหยื่อที่มีจิตใจอ่อนไหว

จากนั้นเคมปามมะจะเข้าหาผู้เสียชีวิตด้วยบทบาทของหญิงศักดิ์สิทธิ์ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ เธอหลอกให้ผู้เสียชีวิตเชื่อใจด้วยการรับฟังปัญหา จากนั้นจึงชักชวนไปทำพิธีกรรม โดยอ้างว่าจะทำให้เจอกับทางออกของปัญหา ซึ่งเธอจะให้เหยื่อทุกรายสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีค่ามาทำพิธี แล้วให้หลับตาและดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในน้ำนั้นมีไซยาไนด์ผสมอยู่ ในปี 2555 เคมปามมะจึงถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ได้รับการลดโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต เธอจึงถูกจดจำในชื่อ ‘ไซยาไนด์ มัลลิกา’ ซึ่งเป็นชื่อของผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย

Cyanide Mallika First convicted serial killer of India
ภาพจาก HOMEGROWN

คดี “โมฮาน คูมาร์”

โมฮาน คูมาร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าหญิงสาวกว่า 20 ศพในรัฐกรณาฏกะ (Karnataka) ประเทศอินเดีย หรือที่ได้รับฉายาว่า ‘Cyanide Killer‘ เขาก่อเหตุในช่วงปี 2547-2552 ด้วยการล่อลวงเหยื่อรายต่าง ๆ ว่าจะแต่งงานด้วย โดยโมฮาน คูมาร์จะเลือกเป้าหมายเป็นหญิงสาวที่มีฐานะยากจน จากนั้นจึงเข้าไปทำความรู้จักและแสดงความรักต่อเธอ

ภายหลังจึงบอกกับผู้เสีีวิตทุกรายว่าจะแต่งงานด้วย ซึ่งในวัฒนธรรมของประเทศอินเดียโดยปกติฝ่ายหญิงจะต้องนำสินสอดไปให้แก่ฝ่ายชาย แต่โมฮานจะหลอกล่อหญิงสาวว่าเขาไม่รับสินสอด เพียงแค่ใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูงมาเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน

จากนั้นเขาจะขอมีสัมพันธ์กับเหยื่อ และให้กินยาซึ่งอ้างว่าเป็นยาคุมกำเนิด โดยใส่ซายาไนด์ลงไปในยานั้น เมื่อหญิงสาวเสียชีวิตโมฮานจึงนำทรัพย์สินที่มีค่าไปขาย โมฮาน คูมาร์ก็ถูกจับกุมที่ประเทศอินโดนีเซีย และเจ้าหน้าที่ได้สืบย้อนไปที่หญิงสารายอื่น ๆ เนื่องจากเขามีพฤติกรรมนำเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตคนก่อนไปติดต่อหาผู้เสียชีวิตรายใหม่ ท้ายที่สุดฆาตกรรายนี้ก็ถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ได้รับโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน

Cyanide Mohan's victim's family proves true Dahaad's dissection of casteism
ภาพจาก KERALA

คดี “แม่ม่ายดำ” คาเคฮิ

ชิซาโกะ คาเคฮิ หญิงชาวญี่ปุ่นที่ได้รับฉายาว่า ‘แม่ม่ายดำ’ (Black Widow) ได้ก่อเหตุฆาตกรรมอดีตสามี 3 คนในระยะเวลา 6 ปี และได้รับเงินรับเงินประกันจากการเสียชีวิตของอดีตสามีเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเยน หรือประมาณ 250 ล้านบาท โดยการจับกุมคาเคฮิเกิดขึ้นในปี 2557 เมื่อตำรวจตรวจพบไซยาไนด์ในร่างกายสามีคนล่าสุดของเธอ จึงขยายผลกลับไปที่อดีตสามีคนอื่น ๆ และพบว่าเสียชีวิตจากไซยาไนด์เช่นเดียวกัน ในที่สุดคาเคฮิจึงถูกตั้งข้อหาวางแผนฆาตกรรม และได้รับการตัดสินโทษประหารชีวิตจากศาลญี่ปุ่น

Japan's 'Black Widow' killer, Chisako Kakehi
ภาพจาก CNN

คดีฆาตกรรมหมู่ที่ชิคาโก

เหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2525 ที่มหานครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา บางคนเรียกคดีนี้ว่าการฆาตกรรมหมู่ในนครชิคาโกด้วยยาไทลินอล (Chicago Tylenol mass murders) เนื่องจากพบศพเด็กหญิงวัย 12 ปี เสียชีวิตกะทันหันหลังกินยาแก้ปวดยี่ห้อดังกล่าว ซึ่งต่อมาพบเหตุในลักษณะเดียวกันอีก 7 ราย จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน คือ การเสียชีวิตด้วยไซยาไนด์ และแม้จะเป็นเรื่องน่าสลดใจที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ แต่คดีนี้ก็ทำให้วงการแพทย์ในสหรัฐฯ เกิดการตระหนักรู้มากขึ้น และออกมาส่งเสียงเตือนถึงอันตรายรวมถึงวิธีสังเกตอาการหากได้รับไซยาไนด์เข้าไปในร่างกาย

Chicago Tylenol mass murders by Cyanide
ภาพจาก aetv.com

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพ : A&E, CNN, HOMEGROWN, KERALA

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button