เคสหายาก ตัวอ่อนแฝด ฝังในกะโหลกศีรษะ เด็ก 1 ขวบ แพทย์ผ่าตัดยื้อชีวิต โอกาสรอดริบหรี่
สำนักข่าวเดลิเมล์ รายงานเคสหายาก พบเพียง 1 ใน 5 แสน เด็กหญิงชาวจีนวัย 1 ขวบ เกิดมาพร้อมกับตัวอ่อนแฝดปรสิตในกะโหลกศีรษะ
ทีมศัลยแพทย์ระบบประสาทได้ทำการผ่าตัดช่วยชีวิตเด็กหญิง ซึ่งมีอาการบวมที่ศีรษะอย่างรุนแรงและพัฒนาการล่าช้าโชคร้ายที่สมองเสียหายรุนแรงเกินกว่าจะรักษาได้ เสียชีวิตลงภายในสองสัปดาห์
ภาวะแฝดฝังตัวในร่างแฝดอีกคนที่หายากมากนี้เรียกว่า “fetus in fetu” เกิดขึ้นประมาณ 1 ใน 500,000 คน มีรายงานพบเพียง 18 รายที่เกิดขึ้นภายในกะโหลกศีรษะ
แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาในครรภ์มารดา เมื่อฝาแฝดที่เกิดจากการแบ่งตัวของไข่ใบเดียวกัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์
จากนั้น ฝาแฝดคนหนึ่งจะติดอยู่ภายในอีกคนหนึ่ง อาจพัฒนาอวัยวะบางส่วนเติบโตขึ้น เช่น เล็บมือ เส้นผม และแขนขา
กว่า 80% เนื้อเยื่อของทารกที่ถูกดูดซับจะเข้าไปอยู่ในช่องท้อง แพทย์มีโอกาสสูงที่จะผ่าตัดออกได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย แต่ในบางครั้งก็พบในปาก ถุงอัณฑะ หรือกระดูกก้นกบของเด็ก
ตัวอย่างเช่น ในปี 2015 แพทย์จีนประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อทารกออกจากถุงอัณฑะของเด็กทารกอายุ 20 วัน
จากรายงานของ ซูเว่ย ฉิน และซวนหลิง เฉิน วิสัญญีแพทย์จากโรงพยาบาลนานาชาติมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในวารสาร American Journal of Case Reports ระบุว่า อาการนี้มักเป็นอันตรายถึงชีวิตเกือบ 100% เมื่อเกิดขึ้นในบริเวณศีรษะ
“ระหว่างการตรวจสุขภาพตามปกติเมื่ออายุครรภ์ 33 สัปดาห์ แพทย์พบความผิดปกติบางอย่างในกะโหลกศีรษะของทารกที่กำลังพัฒนา แต่การคลอดเป็นไปตามปกติ โดยแพทย์ทำการผ่าตัดคลอดเมื่ออายุครรภ์ 37 สัปดาห์ แม้ว่าศีรษะของเธอจะใหญ่กว่าปกติ แต่เธอก็กลับบ้านพร้อมกับแม่ได้”
หนึ่งปีต่อมา เธอถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลนานาชาติมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เนื่องจากศีรษะบวมและพัฒนาการไม่เป็นไปตามปกติ เธอมีปัญหาเรื่องการควบคุมการขับถ่าย การยืน การยกศีรษะ พูดคำอื่นไม่ได้นอกจากคำว่า “แม่”
แพทย์จึงสแกนศีรษะของเด็ก พบก้อนเนื้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 13 เซนติเมตรในกะโหลกศีรษะ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าลูกเบสบอลเล็กน้อย ภายในก้อนเนื้อมีชิ้นส่วนของกระดูกยาวฝังอยู่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง