สาวจีนคลั่งผอม หนัก 25 กก. เห็นกระดูกชัด ยังไม่พอใจขอผอมกว่านี้
![สาวจีนคลั่งผอม หนัก 25 กก. ไม่พอใจ หวังผอมกว่านี้ หวั่นป่วยอะนอเร็กเซีย](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2024/07/Chinese-girl-is-crazy-about-being-skinny-weighs-25-kg.-Not-satisfied-hopes-to-be-thinner.-Afraid-of-anorexia.jpg)
โลกออนไลน์จีนฮือฮา สาวร่างบางหนักเพียง 25 กก. ออกมาโชว์หุ่นผอมเพียวผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมประกาศยังอยากผอมลงอีก เมินคำเตือนชาวเน็ต หวั่นป่วยเป็นโรคคลั่งผอม
หญิงสาวคนดังกล่าวใช้ชื่อในโลกออนไลน์ว่า “Baby Tingzi” สูง 160 เซนติเมตร แต่กลับมีน้ำหนักเพียง 25 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าผอมผิดปกติอย่างมาก เธอมีผู้ติดตามใน Douyin แอปพลิเคชั่นออนไลน์ของจีนกว่า 42,000 ซึ่งบรรดาแฟนคลับส่วนใหญ่กังวลว่าการที่เธอมีน้ำหนักน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต แต่เธอกลับเมินเฉยความเห็นเหล่านั้น
เบบี้ ทิงซี อ้างว่าเธอชื่นชอบหุ่นเพียวบาง และรูปร่างผอมแห้งแบบนี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเธอมักจะโพสต์คลิปเต้นและถ่ายภาพตนเองในชุดวาบหวิวที่เปิดเผยเรือนร่าง เพื่อโชว์แขนและขาที่ผอมบางติดกระดูกเป็นประจำ นอกจากนี้ยังชั่งน้ำหนักตัวเองและอัปเดตให้แฟนคลับทราบถึงความคืบหน้าในการลดน้ำหนักเสมอ
![สาวจีนคลั่งผอม เสี่ยงเป็นโรค](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2024/07/Baby-Tingzi-weight3.webp)
คลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดียของจีน ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความคิดเห็นว่า เธออาจกำลังป่วยเป็นโรคอะนอเร็กเซีย (Anorexia Nervosa) หรือโรคคลั่งผอม ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชที่ร้ายแรงและควรได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์อย่างเร่งด่วน จนบางคนถึงกับเรียกเธอว่า “โครงกระดูกเดินได้”
![สาวจีนผอมแห้งเหลือ 25 กก. ยังอยากผอมอีก หวั่นป่วยอะนอเร็กเซีย](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2024/07/Baby-Tingzi-weight-750x422-1.webp)
ภาวะที่เธอกำลังเผชิญอยู่นั้น เรียกว่า โรคคลั่งผอม หรือ Anorexia Nervosa โดยผู้ป่วยจะวิตกกังวลกับรูปร่างอยู่เสมอ กลัวว่าจะอ้วนเกินไป สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในคนที่เคยมีปัญหาและไม่มีปัญหาเรื่องรูปร่าง ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคคลั่งผอมจะพยายามควบคุมน้ำหนักให้น้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและพลังงาน จนกระทั่งร่างกายสูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ป่วยจะยังไม่พอใจ และพยายามลดน้ำหนักต่อไป หากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ที่มา : odditycentral, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง