สาวมะกัน แชร์เรื่องสุดสะพรึง หลังได้ล่วงรู้ความจริงว่า สามีที่อยู่กินกันมา เป็นชายตีสองหน้าที่มีเบื้องหลังเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เคยก่อเหตุปลิดชีพหญิงสาวมาแล้ว 3 ราย
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ themirror รายงานถึงเรื่องราวสุดสะพรึงของ บอนนี ลู โกเวอร์ (Bonnie Lou Gower) อดีตภรรยาของฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกา นามว่า ริชาร์ด อีโวนิทซ์ (Richard Evonitz) ชายผู้ใช้ชีวิตสองหน้าในฐานะสามีและฆาตกรโหดเหี้ยม ซึ่งในระยะเวลาหนึ่งเธอเคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา โดยที่ไม่รู้ว่าสามีมีเบื้องลึกเบื้องหลังอันดำมืด
เรื่องราวอันน่าตกใจทั้งหมดนี้ ‘บอนนี’ ได้ถ่ายทอดลงบน TikTok ส่วนตัว ในปัจจุบันวีดีโอของเธอมียอดผู้ชมถล่มทลายมากกว่า 30 ล้านครั้งแล้ว โดยเธอเผยว่า ตัดสินใจแต่งงานกับ ‘อีโวนิทซ์’ ตอนอายุเพียง 17 ปี และเขาทั้งสองก็หย่าร้างกันตอนเธออายุได้ 25 ปี โดยในห้าปีต่อมา เจ้าหน้าที่ FBI ได้ปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของเธอ พร้อมกับเปิดเผยความจริงสุดช็อกว่า อดีตสามีเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเด็กสาวไปแล้วถึง 3 คน
เจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่า อีโวนิทซ์เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ในคดีฆาตกรรม โซเฟีย ซิลวา วัย 16 ปี, คริสติน ลิสค์ วัย 15 ปี และน้องสาวของเธอ เคที ลิสค์ วัย 12 ปี ในรัฐเวอร์จิเนีย ระหว่างปี 1996 ถึง 1997
เขาถูกจับได้เมื่อเหยื่อรายหนึ่งของเขา คารา โรบินสัน แชมเบอร์เลน วัย 15 ปี หลบหนีและโทรหาตำรวจ จากนั้นอีโวนิทซ์ก็ตัดสินใจยิงตัวตายในสามวันต่อมา ณ ฟลอริดา หลังจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่า
ในวีดีโอแรกของบอนนี เธอเริ่มต้นเล่าด้วยการยกมือขึ้นและพูดว่า “ชูนิ้วถ้าคุณแต่งงานตอนอายุ 17 หย่าร้างเมื่ออายุ 25 แต่งงานใหม่ มีลูกสองคน และห้าปีต่อมา FBI ก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของคุณ เพื่อบอกว่าสามีคนแรกของคุณเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเด็กผู้หญิงสามคน”
บอนนีพบกับอดีตสามีครั้งแรก ผ่านน้องสาวของเขา ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน ขณะนั้น ‘อีโวนิทซ์’ วัย 25 ปี ทำงานอยู่ในกองทัพเรือ และด้วยความมีเสน่ห์แบบ ‘พี่ชาย’ บอนนีจึงรู้สึกชอบเขา ตั้งแต่เธออายุ 16 ปี
“เขาตัดสินใจชวนฉันออกเดท ในตอนแรกครอบครัวมีความลังเลเกี่ยวกับอายุที่ต่างกัน แต่ในที่สุดพวกเขาก็สนับสนุน เพราะทุกคนรู้ว่าพวกเราชอบกันมากแค่ไหน” และจากนั้นทั้งสองก็แต่งงานกันในเดือนสิงหาคม 1988 ซึ่งก็คือ 8 ปีก่อนการฆาตกรรมโซเฟีย ซิลวา
ในวิดีโอถัดมา เธอเล่าว่าได้ย้ายไปอยู่ที่รัฐเมน และในช่วงแรกทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แต่เขามักจะควบคุมทุกอย่าง และคอยแจ้งให้ฉันทราบว่า ภรรยาอย่างฉันควรรับผิดชอบหน้าที่ใดบ้าง โดยในตอนนั้นอีโวนิทซ์ทำงานเป็นช่างเทคนิคโซนาร์ในพอร์ตแลนด์ แต่บอนนียังคงตกงาน เพราะเธอมีเพียงใบประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย และไม่ได้เรียนต่อ
“เดิมทีฉันเคยรู้สึกค่อนข้างดีกับทุกสิ่งโดยรวม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับเสียใจกับการตัดสินใจแต่งงานของฉัน”
ในช่วงฤดูร้อนปี 1989 พวกเขาย้ายไปอยู่ที่ซานดิเอโก แต่นับวันพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมากลับแย่ลง อาการของเขาแย่ลง เขาควบคุมชีวิต อยากให้เธอหางานทำ แต่ไม่เห็นด้วยกับงานที่เธอมีคุณสมบัติเหมาะสม แต่แล้วในที่สุดเขาก็อนุญาตให้เธอไปทำงานที่โรงเรียนเสริมสวย “มันเปิดโลกของฉันจริง ๆ และทำให้ฉันได้ออกจากบ้านและหาเพื่อนใหม่ ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยพอใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่”
“เหตุเพราะฉันไม่มีเพื่อนมากนัก หรือไม่เคยมีใครก็ตามที่จะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้ ฉันจึงไม่รู้จริง ๆ ว่ารักครั้งนี้มันแตกต่างจากการแต่งงานของคู่อื่น ๆ อย่างไร ”
ในวิดีโอล่าสุดที่ของเธอเพิ่งเผยแพร่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บอนนีเปิดเผยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 1992 ซึ่งเป็นช่วงที่อีโวนิทซ์ต้องดิ้นรนในอาชีพทหาร จู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็กลับมาบ้านและถามเธอซ้ำ ๆ ว่า เธอจะไปกับเขาไหม ถ้าพวกเขาจำเป็นต้องบินออกนอกประเทศกะทันหัน
หลังจากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนั้น แต่ด้วยความเป็นสามีภรรยาและเวลาที่บีบคั้น สุดท้ายเธอจึงยินดีย้ายจากซานดิเอโก ไปที่เวอร์จิเนีย โดยไม่รู้เลยว่า เขาสิ่งทำนี้เพื่อหนีความผิด ในคดีลักพาตัว และฆาตกรรมหญิงสาววัย 16 ปี รวมถึงฆ่าเหยื่ออีกหลายคน
สำหรับคดีฆาตกรรมของอีโวนิทซ์ เขาได้ฆ่าเด็กสาวหลายคนในเมืองภายในเวลาหลายปี โดยเริ่มจากการลักพาตัว ข่มขืน และฆาตกรรม
อย่างไรก็ดี บอนนีเผยว่าบอกว่า อดีตสามีเคยก่อเหตุฆ่าคนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทั้งในช่วงก่อน และในระหว่างการแต่งงานที่ยาวนานถึงแปดปีของเขาทั้งสอง และแน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดยังไม่จบ เธอจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “มาร์ธา” ตัวจริง จากซีรีส์ Baby Reindeer จ่อฟ้อง Netflix เรียกค่าเสียหายอื้อ
- โลกต้องจารึก 3 เด็กชายชาวอเมริกัน ค้นพบฟอสซิล T-Rex ขณะเดินป่า
- นักวิ่งข้ามเพศ วัย 16 ถูกโห่ หลังคว้าเหรียญทอง ชนะหญิงแท้ การแข่งขันกรีฑาระดับรัฐ
