ประวัติ โคล พาลเมอร์ แนวรุกดาวรุ่ง ความหวังใหม่ของเชลซี
ทำความรู้จัก โคล พาลเมอร์ แนวรุกดาวรุ่งสารพัดประโยชน์ อดีตเด็กปั้นจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สู่นักเตะอนาคตไกลที่ขาดไม่ได้ของเชลซี
หลังจากบิ๊กแมตช์ศึกพรีเมียร์ลีกสุดมันส์เมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่าง เชลซี พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบลงด้วยผลสกอร์ 4-4 โดยผู้ทำประตูตีเสมอให้เชลซีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บคือ โคล พาลเมอร์ ซัดจุดโทษผ่านมือ เอแดร์สัน ยันเสมอแบ่งแต้มกันไปทีมละ 1 แต้ม พร้อมทั้งคว้า Man Of The Match ประจำนัดนี้ ทำให้ชื่อของเจ้าหนูวัย 21 ปีถูกพูดถึงเป็นอย่างมากของบรรดาแฟนบอลทั่วโลก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับอดีตเด็กปั้นจากสโมสรเรือใบสีฟ้าคนนี้ให้มากขึ้นกัน
ประวัติ โคล พาลเมอร์ แนวรุกความหวังใหม่ของเชลซี
โคล เจอร์เมน พาลเมอร์ (Cole Jermaine Palmer) เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม 2002 เขาเกิดและเติบโตในไวเทนชอว์ ภายในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเมืองเดียวกับไทสัน ฟิวรี่ นักมวยแชมป์โลก WBC และ มาร์คัส แรชฟอร์ด รุ่นพี่กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ครอบครัวของพาลเมอร์เป็นครอบครัวชนชั้นกลาง วัยเด็กเขาเป็นคนค่อนข้างที่เงียบและชอบเก็บตัว แต่ด้วยความที่คุณพ่อของเขาเคยเป็นนักเตะอาชีพในลีกท้องถิ่นมาก่อน ทำให้เขาพาลูกชายซ้อมฟุตบอลที่สวนสาธารณะทุกวัน โดยมีคุณแม่คอยให้การสนับสนุน และแววการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นมา
คุณพ่อได้พาพาลเมอร์เริ่มตระเวนคัดตัวกับทีมฟุตบอลอาชีพต่าง ๆ เพื่อส่งลูกชายเข้าสู่อคาเดมี่ โดยฝีเท้าในวัย 8 ขวบของเขาไปเตะตา 2 ยอดทีมเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สุดท้ายคุณพ่อก็ตัดสินใจฝากฝังลูกชายให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ดูแล ด้วยเหตุผลที่ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกของทีมเรือใบสีฟ้ามีมาตราฐานมากกว่า ทำให้ครอบครัวพาลเมอร์มั่นใจว่าทีมนี้จะปลุกปั้นลูกชายของตนให้เป็นยอดนักเตะได้ และพาลเมอร์ก็ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของแมนฯ ซิตี้ U-8 สำเร็จ
เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของ โคล พาลเมอร์
พาลเมอร์โชว์ฟอร์มกับทีมเยาวชนได้อย่างโดดเด่นในทุกรุ่นอายุ จนเมื่อได้ก้าวขึ้นสู่ทีม U-18 เขาได้รับปลอกแขนกัปตันในฤดูกาล 2019/2020 และในฤดูกาลนั้นเขาโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นในรายการพรีเมียร์ลีก U-18 ลงสนาม 14 นัด ยิงประตูไป 15 ลูก และจ่ายไป 5 แอสซิสต์ อีกทั้งยังมีส่วนร่วมกับประตูถึง 20 ประตู จาก 56 ประตูที่ทีมทำได้ ช่วยทีมเรือใบสีฟ้าวัยคะนองคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก คัพ ไปอย่างสวยงาม
เมื่อฟอร์มไปเตะตายอดกุนซือของแมนฯ ซิตี้อย่าง เป๊ป กวาดิโอล่า ทำให้พาลเมอร์ได้รับโอกาสสำคัญ ประเดิมลงสนามลงเป็นตัวจริงแบบเต็มเกมให้กับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2020 ในเกมคาราบาว รอบที่สี่ ในการพบกับเบิร์นลีย์ ซึ่งผลจบลงที่ทัพเรือใบสีฟ้าเอาชนะไปอย่างไม่ยากเย็น 3-0 ซึ่งเป๊ปค่อนข้างประทับใจในฟอร์มการเล่นของเขามาก เนื่องจากเขาเป็นนักเตะที่สามารถเล่นในแนวรุกได้หลายตำแหน่ง อาทิ แนวรุกริมเส้นทั้งฝั่งซ้ายและขวา เพลย์เมกเกอร์ กลางตัวอิสระ รวมถึงเล่นเป็นกองหน้าตัวหลอก (False 9) ก็สามารถทำได้เช่นกัน
เป๊ปเคยพูดถึงพาลเมอร์ไว้ว่า “สิ่งที่ประทับใจในตัวเขา คือ ทัศนคติของเขา เขาคือคนที่อ่อนน้อมและทำงานหนักเสมอ เขามีสัญชาตญาณเต็มเปี่ยม และเป็นนักเตะที่ครบเครื่องแบบเดียวกับ ฟิล โฟเด้น” พาลเมอร์เล่นให้แมนฯ ซิตี้ชุดใหญ่ทั้งหมด 3 ฤดูกาล ลงสนามทั้งหมด 28 นัดทุกรายการ (รวมการถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรอง) ยิงไป 4 ลูก กับ 1 แอสซิตส์ ซึ่ง 2 ประตูที่ยิงได้นั้นเป็นประตูสำคัญในรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และคอมมูนิตี้ ชิลด์ ช่วงต้นฤดูกาล 2023/2024 อีกด้วย
ในช่วงตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ 1 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เส้นทางใหม่ของเขาก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อยอดทีมแห่งลอนดอนอย่าง เชลซี ได้ทำการบรรลุข้อตกลงคว้าตัว โคล พาลเมอร์ แนวรุกดาวรุ่งจากแมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ + แอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาวถึง 7 ปี จนถึง 2030
เจ้าตัวได้เปิดเผยกับสื่อหลังจากการย้ายทีมครั้งนี้ว่า “ผมตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้เริ่มต้นกับทีมใหม่ การที่ย้ายมาที่แห่งนี้เพราะเป็นโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ เป็นทีมพลังหนุ่มและกระหายในการเล่น รวมถึงผมที่จะได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา หวังว่าเราจะสร้างสิ่งที่แสนวิเศษ ณ ที่แห่งนี้”
พาลเมอร์เริ่มต้นกับเชลซีด้วยการอยู่ที่ม้านั่งสำรองในช่วงแรก โดยได้ประเดิมสนามนัดแรกในสีเสื้อเชลซี โดยการถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองในแมตช์พรีเมียร์ ลีก ที่เชลซีเปิดบ้านพ่ายให้กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 และวันที่เขาเริ่มฉายแสงก็เริ่มขึ้นในการออกสตาร์ทตัวจริงในแมตช์พรีเมียร์ ลีก 7 ตุลาคม 2566 ที่เชลซีบุกไปถล่มเบิร์นลีย์คาบ้าน 1-4 โดยเกมนั้น พาลเมอร์ รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปเป็นประตูนำ 1-2 และเป็นประตูแรกในสีเสื้อเชลซีด้วย
เขาปรับตัวให้เขากับทีมของ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมยังยึดตำแหน่งตัวจริงของทัพสิงโตน้ำเงินครามทุกนัดหลังจากนั้น จนถึงตอนนี้ พาลเมอร์ลงสนามให้เชลซีรวมทุกรายการ 11 นัด ซัดไป 4 ลูก เป็นจุดโทษทั้งหมด กับ 4 แอสซิสต์ รวมถึงเป็นกำลังหลักสำคัญที่ขาดไม่ได้ของเชลซีไปเสียแล้ว
นี่คือเส้นทางชีวิตการค้าแข้ง ของแนวรุกสารพัดประโยชน์ที่น่าจับตามองที่สุดในวินาทีนี้ บรรดาแฟนบอลทุกท่านต้องเฝ้าติดตามฟอร์มการเล่นของเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ว่าจะพัฒนาได้ไปถึงจุดไหน แต่สำหรับแฟนเชลซีตอนนี้ คงจะเรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย และขาดเขาไปในไลน์อัพ 11 ผู้เล่นตัวจริงไม่ได้เสียแล้ว
อ้างอิง Life Bogger, Man City TH