ข่าวข่าวการเมือง

ศิริกัญญา ชี้ “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” อาจไม่มีใครได้เงินแม้แต่คนเดียว

ศิริกัญญา ฝ่าวงล้อมกระแสแถลงความชัดเจนโคงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ระบุ สิ่งที่นายกพูดวันนี้ เป็นการยอมรับไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนทั้งเรื่องแหล่งเงินไปจนปมซูเปอร์แอปพลิเคชั่นที่ย้อนมาใช้เป๋าตัง

ควันหลงหลังจากการแถลงข่าวความชัดเจนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาลวันนี้ (10 พ.ย.66) ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่เกณฑ์แจกให้คนอายุ 16 ปี ขึ้นไป กระทั่งเงื่อนไขจำกัดสิทธิคนที่มีรายได้ 70,000 บาท และเงินฝากในบัญชี 50,000 บาท

ล่าสุด ฝั่งของ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ก็เคลื่อนไหวแสดงความเห็นล่าสุดเกี่ยวกับโครงการนี้อีกครั้ง หลังจากเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตุมาตั้งแต่โครงการยังเพ่งตั้งไข่ใหม่ ๆ โดยเนื้อหาจากโพสต์ข้อความผ่านบัญชีเอ็กซ์ (X.) ได้ระบุไว้ ดังนี้

“สิ่งที่นายกแถลงวันนี้ เป็นการยอมรับว่าไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนทั้งเรื่องว่าจะเอาแหล่งเงินมาจากไหนสุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจาก super application ที่ย้อนกลับมาใช้เป๋าตัง”

“ซ้ำร้าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจจะไม่มีใครได้เงินเลยซักคนเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าร่างพ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ขัดต่อ ม. 140 ของรัฐธรรมนูญ และ ม. 53 ของพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังเลือกทางนี้ ซึ่งนายกและพรรคเพื่อไทยย่อมทราบดี เพราะเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญปัดตก พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้าน (รถไฟฟ้าความเร็วสูง) เมื่อปี 2556”

“หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ากำลังจะได้เงิน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไปไม่รอดแน่ เป็นการสร้างกับดักเพื่อที่ในอนาคต หากมีบรรดานักร้อง หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปร้องต่อศาล รธน. (ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ไปร้องแน่นอน) ก็จะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดของศาล รธน. ในการปัดตกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล”

“ดิฉันขอคัดค้านสุดตัวไม่ให้เรื่องนี้มีศาลรธน.เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ก็ให้มันจบที่คกก.กฤษฎีกา เป็นคนตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง”

“แต่ถ้าถึงที่สุด เกิดอภินิหารและร่างพรบ.นี้ผ่านสภาไปได้ การผ่อนชำระคืนใน 4 ปี บวกดอกเบี้ยในแต่ละปี จะสร้างภาระทางการคลังขึ้นไปเกือบ 20% ของรายได้รัฐบาล เท่ากับเก็บภาษีมาได้ก็เอาไว้จ่ายคืนหนี้ ดอกเบี้ยต่องบประมาณจะทะลุ 10% ในปีงบ 68 ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสถาบันจัดเครดิตเรทติ้งเฝ้าจับตาเพื่อรอหั่นเรทติ้งอยู่แน่นอน #ดิจิทัลวอลเล็ต

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button