นอนกลางวัน ข้อเสียที่คุณควรรู้ งีบอย่างไรให้ไม่ปวดหัวหลังตื่น
บางครั้งการงีบหลับระหว่างวันก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายของคุณได้พักผ่อน และกลับทำให้ทำลายสุขภาพหนักกว่าเก่า เปิดสาเหตุอาการปวดหัวหลังตื่นนอน พร้อมแนะนำการนอนที่ถูกต้อง
ตกบ่ายทีไรอาการง่วงเหงาหาวนอนก็มักจะรบกวนสมาธิของคุณอยู่ร่ำไป หากเรียนอยู่ก็พาให้สติหลุดลอย หากทำงานก็พาให้สมองตื้อจนงานไม่เดิน จนบางทีก็เกิดความคิดที่ว่าหากได้งีบหลับเพิ่มพลังให้แก่ร่างกายสักหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย แต่การนอนกลางวันอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับผู้ต้องการพักผ่อน เพราะจะทำให้กลางคืนกลับตาสว่างนอนไม่หลับ การงีบระหว่างวันอาจส่งผลเสียต่อคุณมากกว่าเดิม
นอนกลางวัน ข้อเสียที่คุณไม่ควรมองข้าม
หลายคนคิดว่าการงีบหลับระหว่างวันช่วยให้สมองสดชื่นขึ้น แต่กลับกัน บางคนตื่นมาแล้วมีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย เนื่องจากระยะเวลาการนอนสั้น ๆ กระทบต่อวงจรการนอนหลับปกติ กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ทำกิจกรรม โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาหลับยากตอนกลางคืน ควรหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน เพราะจะทำให้นอนกลับตอนกลางคืนยากขึ้น
การนอนกลางวันเป็นระยะเวลานานจนเกินไปเป็นปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ผลของงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ระบุว่า บุคคลที่งีบหลับนานกว่า 1 ชั่วโมงอาจมีความเสี่ยงสูงที่ก่อให้เกิดอาการป่วยมากกว่ากลุ่มที่ไม่นอนกลางวัน และจะร้ายแรงยิ่งขึ้นหากคุณอยู่ในวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย เพราะการงีบหลับนานเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้า
นอกเหนือจากผลเสียที่จะตามของปัญหาสุขภาพทั้งหลายแล้วนั้น การนอนกลางวันเป็นเวลานานอย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลให้บุคคลนั้น ๆ มีภาวะนอนไม่หลับ กลไกการทำงานของร่างกายผิดธรรมชาติ วงจรเวลาชีวิตแปรปรวน
สาเหตุอาการปวดหัวหลังนอนกลางวัน
บางครั้งการงีบหลับก็ไม่ทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังพาให้ปวดหัวอีกต่างหาก เหตุเพราะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนมักจะประสบกับอาการมึนหัวหลังงีบหลับมากกว่าบุคคลทั่วไปถึง 2-8 เท่า ยืนยันโดยสถาบันการนอนแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ไม่ว่าเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การนอนกัดฟัน การตั้งครรภ์ รวมถึงท่าทางการนอนที่ไม่ถูกต้อง และระยะเวลาการนอนที่ไม่เหมาะสมก็เป็นอีกปัจจัยของอาการดังกล่าวเช่นกัน
ระยะเวลาในการงีบหลับที่จะไม่ทำให้คุณปวดหัว
ระยะเวลาการงีบหลับที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นและความตื่นตัวให้กับร่างกายและสมองของคุณได้ดีที่สุด คือ การงีบหลับที่ไม่เกิน 10-20 นาที เมื่อใดที่หลับนานกว่า 20 นาที ความรู้สึกง่วงงุนอ่อนเพลียจะยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม สำหรับผู้เผชิญปัญหาง่วงจากการนอนหลับไม่เพียงในเวลากล่างคืน ระยะเวลาการงีบหลับที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที – 2 ชั่วโมง
งีบหลับเวลานี้เหมาะสมที่สุด
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การงีบหลับนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเวลาการตื่นนอนของแต่ละบุคคล และปัจจัยทางด้านอายุ โดยส่วนใหญ่แล้ว ช่วงเวลาที่ดี คือ ช่วงบ่ายตั้งแต่บ่ายโมงไปจนถึงบ่ายสามโมง หรือหลังมื้อกลางวันนั่นเอง แต่หากผ่านพ้นเวลาบ่ายสามโมงเป็นต้นไปไม่ควรงีบหลับเป็นอันขาด เพราะจะส่งผลต่อการนอนหลับในยามกลางคืน จนกลายเป็นปัญหาการนอนหลับที่ไม่จบไม่สิ้น
อย่างไรก็ดี แม้การงีบหลับจะมีผลเสียมากมาย แต่หากบรรดาคุณ ๆ จัดการเวลาในการนอนทั้งในยามกลางคืน และการนอนกลางวันได้ดีตามระยะเวลาที่เหมาะสมและตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพียงเท่านี้การนอนกลางวันของคุณก็จะไม่ทำลายสุขภาพระยะยาวอีกต่อไป
ข้อมูลจาก primocare
- วิธีเช็กภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ทำอย่างไรบ้าง
- เช็กอาการ “ไข้หวัดใหญ่” รู้วิธีรับมือโรคที่มากับหน้าฝน พร้อมรักษาตัวยามป่วย
- ติดชานมไข่มุกเสี่ยง “ภาวะโรคซึมเศร้า” อาจส่งผลถึงปัญหาสุขภาพจิต