ข่าว

ป้าแต๋น โพสต์คลิปเปิดใจคดีน้องชมพู่ ฝากสังคมให้วิเคราะห์อย่างเป็นกลาง

ป้าแต๋น ลงคลิปล่าสุดระบายอัดอั้นตันใจ ถามหาความเป็นกลางทวงความยุติธรรมต่อ ลุงพล กรณีเหตุการณ์ของคดีน้องชมพู่ ลั่นอยากให้สังคมวิเคราะห์เรื่องราวอย่างไม่ลำเอียง

อัปเดตความเคลื่อนไหว ป้าแต๋น หรือ นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ กรณีโพสต์คลิปบนช่อง ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่ ในชื่อตอนว่า “ไม่ลำเอียงก็มาฟังดู…ฝั่งไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน#ลุงพลป้าแต๋นแฟมิลี่ #มนต์โอม” เมื่อวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2566 พร้อมเผยความรู้สึกถึงเรื่องราวของ คดีน้องชมพู่ หลังศาลเลื่อนนัดตัดสินชี้ขาดเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 ถามย้ำสังคมอีกครั้งให้พิจารณาเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเป็นกลางไม่ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฝั่งไหนมีน้ำหนักมากกว่ากันก็ลองทบทวนพิเคราะห์แยกแยะอย่างถี่ถ้วน

ทางด้านของชาวเน็ตและแฟนคลับต่างตบเท่าแห่เข้ามาให้กำลังใจกันเนืองแน่น พร้อมอยู่เคียงข้างสนับสนุน ป้าแต๋น และลุงพล เหมือนเดิมตลอดไปไม่แปรเปลี่ยน ทั้งยังแสดงความคิดเห็นถึงคนในครอบครัวป้าแต๋นว่าไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือสักคนเดียว

ภายในคลิปป้าแต๋นได้กล่าวในคลิปบางส่วนว่า “…นความคิดของป้าว่าสิ่งที่ป้าคิดเนี่ยมันเป็นเหตุเป็นผลได้ไหม ในเมื่อครอบครัวต่างก็เชื่อนะคะว่า นกฮูกเห็นลุงอยู่ตรงสวนยาง 9 โมง เหมือนเขาจะมีออกข่าวอยู่สองครั้งที่แบบว่าเห็นลุงตอน 9 โมง หรือกี่โมงนี่แหละที่ว่าใส่ชุด กรรมการนักศึกษาหรือเสื้อภูไทเดินผ่านสวนยาง เหมือนคร่าว ๆ เพราะมันหลายปีแล้วนะทุกคน

แล้วก็มีอันนึงที่ว่าจะเอาไปกรีดยางไปกระตุ้นยางทุกคนก็เห็นไปเดินไปอย่างนู้นอย่างนี้ความหมายของเขานะเอ่อครอบครัวเชื่อครอบครัวเชื่อกับสิ่งที่เขาพูดเป้าอยากจะยกตรงนี้ขึ้นมาว่าถ้าหากว่าในเมื่อในเมื่อคิดว่าเขาพูด

เวลา 9 โมงเท่าไหร่ไม่รู้แต่เขาพูดตั้งแต่ 9:00 น เขาบอกน่าจะ 9:00 น นะก็ให้เอา 2 อันนี้มาเปรียบเทียบกันดูว่าอันไหนที่มันน่าเชื่อถือมากกว่ากันถ้าอีกฝ่ายนึงทางฝั่งครอบครัวบอกว่าเชื่อนกฮูกที่บอกว่าเห็นลุงนี้ ป้าก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อ ในเมื่อเชื่อไปแล้วครอบครัวก็ลองหันมาดูนะที่เขาบอกว่าเจอพ่อน้อง 9:40 น.

ป้าแต๋น น้องชมพู ไม่ลำเอียง 2566

เนี่ยมันแปลกนะนะถ้าเอาจริง ๆ ถ้าถ้าคนในครอบครัวเชื่อว่า 9 โมง 40 เนี่ยเขาพูดเป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องจริงเนี่ยเอาระยะเวลานั้นมาเทียบกันดูซิว่ามันเวลาใครหายมากกว่ากันเวลาใครหายมากกว่ากัน อันที่พูดเนี่ยที่พูดวันนี้เนี่ยในคลิปนี้เนี่ยคืออยากให้คิดใช้เหตุใช้ผลใช้ความเป็นจริงที่รู้กันอยู่เนี่ย

เอามาคิดคิดในสิ่งที่มันเป็นกลางดูซิว่าในเมื่อเขาบอกว่าเห็นลุงตรงนี้คุณเชื่อแล้วเขาบอกว่าเห็นพ่อเวลาเท่านี้คุณก็คงต้องเชื่อเพราะว่าอะไรคุณเชื่อมั่นในคำพูดของเขาคุณเชื่อมั่นในคำพูดของเขาแต่มันจะเป็นเหตุอันนึงที่จะต้องมองใหม่นะต้องมองใหม่ว่า 9:40 น พ่อน้องรู้ได้ไงไปตามหาน้องได้ยังไง

ในเมื่อคุณเชื่อว่าเขาเห็นลุงจริงๆคุณก็ลองเอามาคิดคำพูดของเขาที่ว่าในเมื่อคุณเชื่อถือก็พูดของเขาเขาพูดว่า 9:40 น พ่อเขามาหาน้องแปลกไหมแต่ว่ามันมีอีกคนนึงที่ยืนยันอยู่นะว่า 9:00 น เห็นพ่อน้องนะ Impossible

อันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากันทำไมครอบครัวถึงไม่ชั่งใจตรงนี้บ้างทำไมถึงมองแต่ว่าลุงน่าสงสัยลุงน่าสงสัยเพราะคำพูดของไอ้นกฮูกตัวเดียวถ้าสงสัยตรงเชื่อมั่นคำว่าไอ้นกฮูกตัวเดียวเนี่ยมึงก็ลองหันมานะ

สมมุติว่าลุงอยู่ฝั่งซ้ายคุณก็ลองหันมาฝั่งขวาที่เขาพูดดูนะว่า 9:40 น พ่อน้องรู้ได้ยังไงถึงได้มาตามหาที่บ้านนกฮูกเอาคลิปเปรียบเทียบกันตรงนี้ก่อนที่จะเอียงซ้ายหรือเอียงขวาในเมื่อก็ลองให้ลองคิดดูแล้วกันนะว่าจะเชื่อตรงไหนมากกว่ากัน…”

อย่างไรก็ตาม สรุปเบื้องต้นได้ว่าป้าแต๋น ต้องการให้สังคมลองทบทวนพิจารณาเกี่ยวกับช่วงเวลาเหตุการหายตัวไปของน้องชมพู่ ว่ามีความน่าสงสัยและประเด็นอะไรบ้างที่สังคมมองข้ามไป พร้อมร้องขอให้ทุกคนพิจารณาอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมไม่ลำเอียง เพื่อที่ว่าความจริงจะได้ปรากฏสู่สายตามวลชนโดยแท้จริงอีกครั้ง

ส่วนเรื่องผลการพิจารณาของศาลฯ และบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดก็ต้องรอให้ถึงกระบวนการพิจารณาคดีตามระเบียบกันต่อไปในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 นี้.

อ้างอิง : 1

 

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button