บันเทิง

เปิดประวัติ ‘คิมฮเยซู’ เจ้าของบทหญิงแกร่ง จากซีรีส์ใต้ร่มราชินี

ซีรีส์ดังติด Top 10 ในแพลตฟอร์ม Netflix ตอนนี้คงหนีไม่พ้น “ใต้ร่มราชินี” หรือ Under The Queen’s Umbrella ที่ได้นักแสดงนำอย่างหญิงเหล็ก “คิมฮเยซู” (Kim Hye Soo) มารับบทหลักเป็นพระมเหสีอิมฮวารยอง ซึ่งบอกเลยว่าฝีมือการแสดงของสาวฮเยซูก็ส่งผลให้เรตติ้งของซีรีส์เรื่องนี้พุ่งไปถึง 12.3%

แต่ก่อนหน้านี้คิมฮเยซูก็ได้รับบทหนัก ๆ อย่างผู้พิพากษาหญิงศาลเยาวชน ชิมอึนซอก ในซีรีส์เรื่อง หญิงเหล็กศาลเยาวชน (Juvenile Justice) ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำให้ผู้คนในหลาย ๆ ประเทศเริ่มรู้จักนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีอย่างคิมฮเยซูมากขึ้น

Advertisements

แม้ว่าคิมฮเยซูเพิ่งจะเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ แต่ถ้าหากใครติดตามวงการบันเทิงเกาหลีมานานก็จะรู้ว่าสาวฮเยซูนั้นเป็นนักแสดงตัวแม่ทั้งในละครและชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ การันตีด้วยตำแหน่งบุคคลทรงอิทธิพลของเกาหลีถึง 4 ปี ที่จัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์

ดังนั้น ในวันนี้เดอะไทยเกอร์จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักดารารุ่นใหญ่มากความสามารถ แห่งวงการบันเทิงเกาหลีใต้อย่างคิมฮเยซูคนนี้กันให้มากขึ้นอีกสักหน่อย เผื่อว่าใครที่เพิ่งมาตามซีรีส์ของคิมฮเยซูจะตกหลุมรักเธอมากขึ้น

ประวัติ คิมฮเยซู
ภาพจาก : IG @hs_kim_95

ประวัติ ‘คิมฮเยซู’ ราชินีแห่งวงการบันเทิงเกาหลีใต้

“คิมฮเยซู” (Kim Hye Soo) เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน 1970 ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันอายุ 52 ปี เป็นนักแสดงหญิงสังกัดค่าย Hodu&U Entertainment โดยในช่วงปี 1980s-1990s ฮเยซูนับว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงมาก ๆ คนหนึ่งในเกาหลีใต้

ด้านการศึกษา คิมฮเยซูจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยทงกุก (Dongguk University) ในสาขาการละครและภาพยนตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยทงกุกนั้นเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนสหศึกษาในประเทศเกาหลีใต้ที่เต็มไปด้วยศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากมายในวงการบันเทิง

คิมฮเยซูเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการถ่ายแบบโฆษณาให้กับแบรนด์เครื่องดื่มไมโลในปี 1985 และได้เดบิวต์ในฐานะนักแสดงนำหญิงผ่านภาพยนตร์เรื่อง Kambo (1986) ซึ่งจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ส่งผลให้คิมฮเยซูได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่จากเวที Baeksang Arts Awards ในปี 1987

Advertisements

นอกจากนี้คิมฮเยซูยังเป็นนักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Blue Dragon Film Award ในปี 1993 ด้วยบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง First Love ซึ่งขณะนั้นคิมฮเยซูอายุได้เพียง 23 ปีเท่านั้น

นางเอกใต้ร่มราชินี
ภาพจาก : IG @hs_kim_95

แม้ใช้เวลาไม่นานสำหรับรางวัลต่าง ๆ ที่ได้รับหลังคิมฮเยซูเข้าสู่วงการบันเทิง แต่ผลงานที่มีชื่อเสียงและทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นคือภาพยนตร์เรื่อง Tazza: The High Rollers ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 โดยฮเยซูได้รับบทเป็นมาดามจอง ซึ่งส่งผลให้ฮเยซูได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Blue Dragon Film Award อีกครั้ง

ในด้านการแสดงซีรีส์ของฮเยซูก็ไม่น้อยหน้า เพราะเธอปรากฏตัวในบทบาทต่าง ๆ ทางละครโทรทัศน์ประเทศเกาหลีใต้อยู่หลายเรื่อง เช่น ซีรีส์เรื่อง Signal (2016) รับบทเป็นสายสืบชาซูฮยอน เรื่อง Hyena (2020) ซีรีส์แนวกฎหมาย ประกบคู่กับนักแสดงดังอย่างจูจีฮุน (Kingdom)

เรื่อง Juvenile Justice (2022) ซีรีส์แนวกฎหมายอีกเช่นกัน โดยในเรื่องนี้ฮเยซูรับบทเป็นผู้พิพากษาหญิงแห่งศาลเยาวชน และล่าสุดกับผลงานที่ทำเรียกเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลอย่าง Under The Queen’s Umbrella (2022) หรือชื่อไทยว่า “ใต้ร่มราชินี” ซีรีส์แนวพีเรียดกับความตึงเครียดภายในราชวัง

คิมฮเยซู ใต้ร่มราชินี
ภาพจาก : IG @hs_kim_95

และนอกจากรางวัลการันตีผลงานด้านการแสดงที่คิมฮเยซูได้รับ ในปี 2011 ฮเยซูยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 19 เซเลบที่ทรงอิทธิพลในเกาหลี ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) และในปัจจุบันปี 2022 คิมฮเยซูก็ยังคงอยู่ใน Top 50 ดาราผู้ทรงอิทธิพลของประเทศเกาหลีใต้

เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงหญิงแกร่งแห่งวงการบันเทิงเกาหลีใต้ตัวจริง ทั้งความสวยสง่า และผลงานการแสดงที่การันตีด้วยรางวัลมากมาย สมแล้วที่คิมฮเยซูจะได้รับตำแหน่งราชินีแห่วงการบันเทิง และติดอันดับในนิตยสารฟอร์บส์

หากใครชื่นชอบนักแสดงสาวคิมฮเยซู และอยากติดตามไลฟ์สไตล์รวมถึงผลงานอื่น ๆ ของเธอ ก็สามารถไปติดตามกันได้ที่ IG : @hs_kim_95.

คิม ฮเยซู
ภาพจาก : IG @hs_kim_95

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button