เปิดตำนาน หน้าม้าทวิตตี้ ‘วอนยอง IVE’ หน้าม้าลูกผม เทรนด์เก่าฮิตใหม่
ไอดอลสาว จาง วอนยอง จากวง IVE ผู้ทำให้เทรนด์ หน้าม้าทวิตตี้ หน้าม้าลูกผม กลายเป็นทรงผมสุดฮิต แต่รู้หรือไม่ ทรงนี้เขามีมานานแล้วนะ ไปย้อนดูกัน
ทรงหน้าม้าที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ หน้าม้าทวิตตี้ หรือ Tweety Bang ทรงผมของสาวจางวอนยอง อาจทำให้ใครหลายคนอยากลุกไปตัดตาม โดยเฉพาะคนที่มีไรผมหรือลูกผมที่สร้างความรำคาญใจมาตลอด แต่ตอนนี้หลายคนกลับมองว่ามันน่ารัก
จริง ๆ แล้วทรงหน้าม้าทวิตตี้ มีมาตั้งแต่อดีตแล้ว เหมือนแฟชั่น Y2K ที่มีคนนำกลับมาแต่งแล้วก็กลายเป็นเทรนด์ฮิตอย่างนั้นเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ทีมงานไทยเกอร์จึงอยากชวนทุกคนมาย้อนดูเทรนด์ทรงผมก่อนจะมาเป็นหน้าม้าทวิตตี้ ที่หลายคนเพิ่งจะรู้จัก
Edges Hairstyles ชื่อเรียกต้นตำรับของหน้าม้าทวิตตี้
Edges Hairstyle ทรงผมที่เน้นจัดทรงไรผมและลูกผมตามกรอบหน้า โดยใช้เจลแต่งให้อยู่ทรง เหมือนเป็นการสร้างภาพศิลปะที่มีไรผมเป็นตัวเอก ส่วนมากจะเห็นผู้หญิงผิวดำทำผมทรงนี้
ทรงผม Edges Hairstyle เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงคริสตศักราช 1920 โดยโจเซฟิน เบเคอร์ (Josephine Baker) นักร้อง นักเต้น นักเคลื่อนไหวผิวดำชาวอเมริกาเป็นผู้เริ่มความนิยม โดยเธอทำทรงนี้ขึ้นแสดงที่ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันแม้แต่นักร้องชื่อดัง Doja Cat ก็ทำทรง Edges Hairstyle เหมือนกัน
แม้ว่าการจัดแต่งลูกผมนี้จะเป็นที่นิยมของผู้หญิงผิวดำเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อย้อนกลับมาทางทวีปเอเชียในช่วงหลายร้อยปีก่อน ก็เคยปรากฏภาพหญิงสาวชาวเอเชีย ทั้งประเทศจีน พม่า รวมถึงสาวไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 – รัชกาลที่ 8 ก็มีการแต่งทรงหน้าม้าจากไรผมด้วยเช่นกัน
ข้อมูลทางสถิติจากรายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับลักษณะผมของชาวเอเชีย ระบุว่าจากคน 3 กลุ่ม คือ เอเชีย (คนผิวเหลือง) แอฟริกัน (คนผิวดำ) และฝรั่งคอเคเซียน (คนผิวขาว) พบว่าอัตราการงอกของเส้นผมของคนเอเชียสูงสุด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชาวเอเชียจะมีไรผมมากเป็นพิเศษ แม้ว่าจะไม่ได้มีการจัดแต่งลูกผมที่เป็นที่นิยมเท่าคนผิวดำ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาทรงหน้าม้าทวิตตี้ของจางวอนยอง นักร้องชาวเกาหลีใต้วง IVE ก็เป็นที่พูดถึงขึ้นมา เนื่องจากมีชาวเน็ตยกประเด็นว่า หน้าม้าทวิตตี้ เป็นการลบภาพจำทรงผม Edges Hairstyle ของคนผิวดำหรือเปล่า ทั้งที่จริง ๆ แล้ววอนยองเพียงโพสต์รูปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว และเรียกชื่อเล่นทรงผมนี้ว่า “Tweety-Bang” แต่กลับเป็นที่นิยมจนมีแฟนคลับเรียกตามเป็นจำนวนมาก และเกิดความเข้าใจผิดขึ้น
แฟชั่นก็เหมือนวงล้อชิงช้าสวรรค์ มีช่วงที่แฟชั่นได้รับความนิยม ก่อนจะตกยุคและอนาคตก็กลับมาเป็นเทรนด์ฮิตใหม่ ดังนั้นการจะกล่าวว่าการกระทำใด ๆ เป็นการฉกฉวยวัฒนธรรมของใครหรือไม่ จึงควรวัดกันที่เจตนา เพราะการไม่รู้ไม่ใช่สิ่งผิด แต่เมื่อรู้แล้ว ควรทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดซ้ำ นี่แหละค่ะที่สำคัญที่สุด.
เคสวอนยองเราว่าน้องสามารถทำได้ เพราะ "ลูกผม" เป็นสิ่งที่เอเชียนก็มีโดยไม่ต้องพยายาม + การตัดแต่งลูกผมสไตล์แบบเอเชียนมันไม่ได้ออกมาทรงเหมือนที่คนดำทำซะทีเดียว
Edges จะเน้นโค้งหรือผมหลายลูกต่อกัน ในขณะที่แบบเอเชียนจะเป็นทรงตรงกว่าและยาวกว่า แต่เอาจริงเด็กบางคนก็มีตั้งแต่อนุบาลนะ pic.twitter.com/iPlWKdcARv
— ขอพรเทพม่อน (@jaomhooauan) September 4, 2022