รีวิว Midsommar เบื้องหลังความสยอง ท่ามกลางทุ่งดอกไม้
รีวิว Midsommar เทศกาลสยอง (แบบไม่สปอยล์) ภาพยนตร์สยองขวัญจากค่ายหนังอินดี้ A24 ผลงานผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Ari Aster ที่เคยขึ้นแท่นกำกับหนังเขย่าขวัญมาแล้วอย่างเรื่อง Hereditary (2018) กลับมาอีกครั้งบน Netflix
มาคราวนี้ Midsommar เทศกาลสยอง ก็กวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกไปได้อย่างล้นหลาม โดยครั้งนี้ Ari Aster กลับมาพร้อมลายเซ็นด้วยการใส่สัญญะในหนังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสีพาสเทลของเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างที่สุด รวมไปถึงรายละเอียดในเรื่องที่ต้องขอปรบมือให้แก่ทีมค้นคว้าข้อมูลที่ทำงานหนักกันอย่างเต็มที่ สามารรับชมได้แล้วที่ Netflix
รีวิว Midsommar วิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่หมางเมิน นำไปสู่ความตายสุดป่าเถื่อน
เรื่องย่อ Midsommar เทศกาลสยอง กับสีพาลเทลหลอกใจ โดยเรื่องราวใน Midsommar จะเล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ออกเดินทางไปพักผ่อน ณ ประเทศสวีเดน โดยพวกเขาพากันเดินทางไปยังสถานที่ของชนพื้นเมือง ในช่วงเวลาที่มีการจัดเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนเป็นเวลา 9 วัน
และในช่วงระยะเวลา 9 วันนั้น ก็ตรงกับวันที่พระอาทิตย์โคจรไปถึงจุดหยุด (Solstice) ทำให้บรรยากาศภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ความสว่างเจิดจ้าของช่วงเวลากลางวัน พร้อมด้วยการต้อนรับขับสู้ของชาวบ้าน ที่พวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแฝงไปด้วยน่าขนลุกขนพองมากแค่ไหน
งานภาพที่อุดมไปด้วยแสง สี และความสดใส
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชูโรงในภาพยนตร์เรื่อง Midsommar เทศกาลสยอง คงหนีไม่พ้นงานภาพที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตและงดงาม ขอออกตัวชื่นชมการค้นคว้าข้อมูลของทีมงานที่สามารถเก็บทุกรายละเอียดของความเป็นชาวสวีเดนได้อย่างดีเยี่ยม
และถึงแม้ใครจะทัดทานว่าข้อมูลในเรื่องก็ไม่ได้แน่นปึกขนาดนั้น ผู้วิจารณ์ก็ยังคงชื่นชมในการสร้าง “ความเชื่อ” ให้เหล่าคนดูได้เชื่ออย่างหมดหัวใจว่านั่นคือความเป็นชาวนอร์สของจริง
นอกจากนี้การที่ฉากในภาพยนตร์เรื่อง Midsommar ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาที่อาบไปด้วยความสว่างจ้าของดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้ความสยองขวัญเข้ามาเยือนในใจผู้ชมได้ง่านขึ้นไปอีก
ด้วยความที่เราเห็นทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด ไม่มีความวับแวมให้กังวลใจเล่น เพราะทั้งเรื่องสว่างเสียจนไม่อาจทนมองความจริงที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าได้ เป็นหนังที่ทำให้เราเห็นเนื้อเรื่องทั้งเรื่องได้ครบทุกซอกมุม
และอีกหนึ่งความดีงามที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือเครื่องแต่งกายอย่างชาวสวีเดน สีขาวบริสุทธิ์ แต่งแต้มด้วยมงกุฎดอกไม้หลากสี รวมไปถึงความสะอาดเกลี้ยงเกลาของเหล่าตัวละครชนพื้นเมือง ทุกอย่างดูดีเกินควรจนไม่น่าไว้วางใจสักนิด
ความมืดบอดทางวัฒนธรรมที่นำไปสู่หายนะ
Cultural Shock คือคำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Midsommar เทศกาลสยอง ที่ไม่เพียงแต่ตัวละคร “คนนอก” ในเรื่องเท่านั้น แต่ความกระอักกระอ่วนที่ตัวละครเผชิญล้วนส่งมาถึงคนดูได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ภาพยนตร์แสดงให้เห็นความมืดบอดทางวัฒนธรรมของบรรดาสหายคนนอก การเข้าเมืองตาหลิ่วแต่ไม่หลิ่วตาตามทับซ้อนภาพความป่าเถื่อนของคนป่าที่เราคุ้นชินได้เป็นอย่างดี จนอาจกล่าวได้ว่าประเพณีที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้น ไม่ต่างจากพิธีกรรมดิบเถื่อนที่ปรากฏในหนังแนวชนเผ่าสักเท่าไร
ความเจริญทางวัฒนธรรมใน “การรับรู้” ของคนทั่วโลกที่มีต่อชาวสแกนดิเนเวียน ถูกฉีกทึ้งด้วยภาพพิธีกรรมอันพิลึกพิลั่น ผิดไปจากสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ หรือแท้จริงแล้ววัฒนธรรมเหล่านั้นคือ “เรื่องปกติ” ที่ไม่เคยได้รับการเผยแพร่สู่ประชาคมโลก
และเมื่อมันถูกถ่ายทอดออกมาอย่างปกติธรรมชาติในแบบที่มันเป็น แต่ขัดต่อความสำนึกรู้ของคนอย่างเรา ๆ จึงทำให้ Midsommar กลายเป็นพิธีกรรมสยองขวัญที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงต่อนักท่องเที่ยวผู้ขลาดเขลาในเรื่องมานุษยวิทยา ทั้งที่ในความเป็นจริง Midsommar คือสิ่งที่สังคมหนึ่งให้การยอมรับแล้ว
การใช้วัฒนธรรมและปกรณัมท้องถิ่นสร้างสัญญะ
เชื่อว่า 99.99% ของผู้ชมเรื่อง Midsommar เทศกาลสยอง ต้องตามหาสปอยล์เนื้อเรื่องกันหลังดูจบอย่างแน่นอน เพราะความต่างทางวัฒนธรรมที่ทำให้คนดูเกิดความฉงนนั้น ยิ่งเพิ่มพูนความกระสันอยากให้แก่การศึกษาปกรณัมนอร์สเพิ่มเติมมากขึ้น
เพราะการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ชมจะพบ “โทเท็ม” หรือ “คำใบ้” ด้วยภาพวาดต่าง ๆ ที่ถูกประดับอยู่ทั่วไปในหมู่บ้าน เพื่อเตรียมพร้อมอารมณ์ของผู้ชมให้ก้าวเข้าสู่ฉากพีค ๆ ของเรื่องต่อไป
แต่หากใครที่ไม่เข้าใจถึงคำใบ้ต่าง ๆ ก็สามารถลิ้มลองอรรถรสแบบสดใหม่ของซีนหนังได้เช่นกัน เพราะถึงแม้ผู้ชมจะรู้อนาคตก่อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเห็นอนาคตของจริงก่อน เพียงแต่การเพิ่มสัญญะบอกใบ้เข้ามาในเรื่องก็ถือเป็นลูกเล่นที่ทำให้ Midsommar มีความสนุกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่คนดูจับได้คาหนังคาเขา คือดีเอ็นเอของชาวนอร์สที่ให้ความเคารพแก่ธรรมชาติและพร้อมจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติในทุกนาที รวมถึงการเฉลิมฉลองที่ไม่ทะเยอทะยานด้วยเหตุแห่งการแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติ แต่เป็นการฉลองเพื่อตอบแทนคุณของธรรมชาติ
ทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่อง Midsommar เทศกาลสยอง ล้วนทำให้ผู้ชมเชื่อสนิทใจว่าชาวนอร์สก็สามารถบ้าระห่ำกันได้ถึงเพียงนี้ ไม่ต่างจาก Cannibal Holocaust (1980) ในเวอร์ชันที่มีแต่ดอกไม้ ต้นหญ้า ท้องฟ้า และการเฉลิมฉลอง ซึ่งหลอกล่อให้เราตายใจว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
- รีวิว Turning Red แอนิเมชันจาก Disney เมื่อการเติบโต คือการฝึกฝนให้พ่อแม่รู้สึกผิดหวัง.
- รีวิว The Sea Beast (อสูรทะเล) แอนิเมชันจากผู้กำกับมือทอง ในท่วงทำนองที่เราคุ้นเคย.
- รีวิว บ่มีวันจาก (The Long Walk) : อดีต-วิญญาณ-อนาคต.