วิวัฒนาการเตามหาเศรษฐี เตาถ่านกระทรวงพลังงาน คู่ครัวไทยนานนับสิบปี รู้จัก เตามหาเศรษฐี-เตาซุปเปอร์อั้งโล่ พัฒนาอย่างไรก่อนจะเป็นแบบล่าสุด
เตาถ่านประสิทธิภาพสูง หรือ เตามหาเศรษฐี หรือ เตาซุปเปอร์อั้งโล่ ที่กระทรวงพลังงานแนะนำ จนทำให้ชาวไทยและโลกโซเชียลให้ความสนใจไม่หยุดหย่อน เตานี้มีที่มาอย่างไร ก่อนจะมาเป็นรูปแบบเตามหาเศรษฐีอย่างทุกวันนี้ เคยมีหน้าตาอย่างไรมาก่อน วันนี้ The Thaiger ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับเตานี้กันเลย
วิวัฒนาการเตามหาเศรษฐี ก่อนจะมาเป็นซุปเปอร์อั้งโล่ทุกวันนี้
โครงการเตามหาเศรษฐี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากกระทรวงพลังงานเล็งเห็นว่าเตาถ่านที่ใช้หุงต้มในครัวเรือนยุคนั้น ออกแบบมาไม่ดีทำให้ต้องใช้เชื้อเพลิงที่ใช้แล้วหมดไป โดยเฉพาะถ่านอย่างสิ้นเปลือง อาจทำให้ต้องปรับเปลี่ยนไปใช้ก๊าซหุงต้มแทน โดยก๊าซหุงต้มอาจมีข้อจำกัดสำหรับครัวเรือนที่อยู่ห่างไกลในชนบท ดังนั้น กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จึงเริ่มดำเนินโครงการเตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูงขึ้นมา
จากเตาอั้งโล่ธรรมดาได้พัฒนามาเป็นเตาชีวมวล มีคุณสมบัติเด่นคือสามารถนำชีวมวลต่าง ๆ เช่น เศษกิ่งไม้ ชานอ้อย เปลือกผลไม้ ซังข้าวโพด มาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ให้ความร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 800 – 900 องศาเซลเซียส ตัวเตามีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน นานถึง 8 ปี
นอกจากเตาแก๊สชีวมวล กระทรวงพลังงานยังได้พัฒนาเตามหาเศรษฐีขึ้นมาอีกด้วย โดยเตานี้ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาจากเตาอั้งโล่ มีการปรับรูปร่างเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงและการใช้ถ่านอีกด้วย โดยมีคุณสมบัติเด่นแต่ละด้านที่แสดงให้เห็นว่า เตามหาเศรษฐีนั้นเหมาะต่อการใช้งานมากขึ้น ลบภาพจำของเตาถ่านที่ใช้ในครัวเรือนได้อย่างสิ้นเชิง ดังนี้
1. ให้ความร้อนได้สูงขึ้น
เตาถ่านอั้งโล่ที่เคยใช้ในการทำครัว จะให้ความร้อนได้สูงสุดอยู่ที่ 500 – 600 องศาเซลเซียส แต่เตามหาเศรษฐีถูกพัฒนาขึ้นจนสามารถให้ความร้อนได้สูงถึง 1,000 – 2,000 องศาเซลเซียส และกักเก็บความร้อนได้ดีเพราะมีฉนวนกันความร้อน ทำให้สูญเสียความร้อนน้อย รังผึ้งรูเล็ก หนาขึ้น ทำให้อากาศไหลผ่านอย่างสม่ำเสมอ ไฟแรง และมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ไม่เกิดควันพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
2. ทนทานมากขึ้น
อายุการใช้งานเตามหาเศรษฐีเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ปี เนื่องจากตัวเตาทำมาจากดินเหนียวผสมแกลบดำ มีความทนทานมากขึ้น และถังเปลือกเตาทำมาจากเหล็กแผ่นหนาอาบสังกะสี ทำให้ตัวเหล็กผุกร่อนช้าลง
3. ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
ช่องบรรจุถ่านมีขนาดเล็กพอดี ทำให้ไม่สิ้นเปลืองถ่านที่ใช้ในการหุงต้มมากนัก ประหยัดถ่านได้ถึง 25 – 30%
4. รองรับการใช้งานได้มากขึ้น
เตาถ่านอั้งโล่แบบเดิมสามารถวางหม้อได้เพียงไม่กี่ขนาด แต่เตามหาเศรษฐีสามารถวางหม้อได้ถึง 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16 – 32 เนื่องจากมีการออกแบบเส้าเตาให้สูงกว่าขอบเตาเล็กน้อย และขอบเตาเสมอกันโดยรอบ ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานสูงขึ้นถึง 29%
สรุปได้ว่า วิวัฒนาการกว่าจะมาเป็นเตามหาเศรษฐีที่แนะนำให้ใช้กันทุกวันนี้ มีดังนี้ เตาอั้งโล่ >> เตาแก๊สชีวมวล >> เตามหาเศรษฐี หรือ เตาซุปเปอร์อั้งโล่ หรือ เตาถ่านประสิทธิภาพสูง