เปิดประวัติ มิโน ไรโอลา เอเยนต์ฟุตบอลชื่อดัง ระดับตำนาน ที่ยังมีลมหายใจ

Lalita C.เผยแพร่: 29 เม.ย. 2565 10:10 น.| อัปเดต: 29 เม.ย. 2565 10:10 น.

198 1 minute read

ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลชื่อดังอย่างมิโน ไรโอลา ที่ไม่รู้ว่าช่วงนี้ดวงตกหรืออย่างไร เพราะตั้งแต่ต้นปี 2022 ก็โดนสื่ออิตาลี และอังกฤษประโคมข่าวว่าไรโอลา สิ้นใจแล้วด้วยวัย 54 ปี จากอาการป่วย ก่อนที่ทางต้นสังกัดจะออกมาปฏิเสธข่าวปลอมนี้ พร้อมทั้งเจ้าตัวยังออกมาทวิตถึงข่าวดังกล่าวว่า “สำหรับคนที่สงสัยในสุขภาพของผม: มันน่าหงุดหงิด ที่พวกเขาแช่งผมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือน ดูเหมือนว่าผมจะฟื้นคืนชีพได้”

วันนี้ The Thaiger จึงจะพาแฟนบอลทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับ ประวัติ มิโน ไรโอลา (Mino Raiola) ซูเปอร์เอเยนต์ จอมสูบแห่งวงการฟุตบอล หลังโดนแช่งจากเฟคนิวส์ว่าตายถึง 2 ครั้ง ในรอบ 4 เดือน

เปิดประวัติ มิโน ไรโอลา (Mino Raiola) ซูเปอร์เอเยนต์ จอมสูบ เทวดาในคราบปีศาจของเหล่านักฟุตบอล

| ประวัติ มิโน ไรโอลา (Mino Raiola) เอเยนต์ฟุตบอลชื่อดัง

มิโน ไรโอลา (ภาษาอังกฤษ : Mino Raiola) เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ที่เมืองซาแลร์โน่ ประเทศอิตาลี จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่เมืองฮาร์เล็ม ของประเทศเนเธอร์แลนด์ พ่อของเขาเปิดธุรกิจร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จซึ่งไรโอลาใช้เวลาช่วงอายุน้อย ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ไรโอลา มีความสามารถในการพูดได้ถึงเจ็ดภาษาได้แก่ อิตาลี, อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกสและดัตช์

ในวัย 19 ปี ไรโอลา หันมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เขาเริ่มก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า อินเตอร์เมซโซ่ บริษัทที่ช่วยหาช่องทางให้บริษัทจากเนเธอร์แลนเข้าไปทำธุรกิจในอิตาลีได้ ต่อมา ไรโอล่า ขยับกลายเป็นเศรษฐีอีกขั้นโดยการทุ่มเงินซื้อร้านแมคโดนัลด์ในพื้นที่ และขายให้กับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

| มิโน ไรโอลา จากนักธุรกิจ สู่การเป็นนักธุรกิจฟุตบอล

Mino Raiola เริ่มเข้าวงการฟุตบอลจากกับทีมเยาวชนของทีมเอฟซี ฮาร์เล็ม ทีมเล็ก ๆ ในบ้านเกิด ในตำแหน่งประธานฝ่ายเทคนิค โดยปราศจากความรู้ด้านธุรกิจฟุตบอลเชิงลึก ทำให้ ไรโอล่า ได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในวงการฟุตบอลอย่างเต็มตัวครั้งแรก แต่ด้วยบุคลิกของ ไรโอล่า ที่ดูจะไม่เข้ากับตำแหน่งระดับสูงแบบนี้จึงทำให้เขาต้องก้าวเท้าลงจากตำแหน่งอย่างรวดเร็ว

ในปี 1992 ไรโอลา ได้เปลี่ยนโครงสร้างของบริษัทตัวเองอย่างสิ้นเชิง โดยหันมาเอาดีทางด้านฟุตบอลมากขึ้นในฐานะตัวแทนของนักฟุตบอล โดยงานแรกของ ไรโอล่า คือการเข้ามาช่วย ไบรอัน รอย อดีตปีกดัตช์ดาวรุ่งของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ให้ย้ายไปร่วมทีม ฟอจจา ในลีกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ซึ่งนอกจากจะเป็นนักเจรจาที่ดีแล้ว ไรโอลา ยังมีความเต็มที่กับลูกค้าของตัวเองอีกด้วย

ความสำเร็จในดีลของรอย สร้างความประทับใจให้กับ ร็อบ แยนเซ่น หนึ่งในเอเยนต์ชั้นนำของเนเธอร์แลนด์เป็นอย่างมาก ยื่นโอกาสงานในบริษัทโปรโมเตอร์ของเขาให้กับ ไรโอล่า โดยงานแรกที่ ไรโอล่า ได้รับคือการเป็นนักแปลและหนึ่งในทีมงานของ แยนเซ่น ระหว่างช่วงดีลการย้ายทีมของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ไปอินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 1993

จากนั้นไม่นาน มิโน ไรโอลา ก็ได้ลาออกจากบริษัทของ ร็อบ แยนเซ่น พร้อมทั้งเอาเอกสารในดีลดังกล่าวมาก็อปปี้และศึกษาเพื่อไว้ใช้เองในอนาคต ทำให้ไรโอลา ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณ

เหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของ ไรโอล่า คือการที่เขาได้เจอกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าดาวรุ่งของอาแจ็กซ์ในขณะนั้น ทั้งสองพบกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงอัมสเตอร์ดัมชื่อยามาซาโตะ

หลายปีต่อมา ไรโอล่า ได้เข้ามาเป็นเอเยนต์ให้กับนักเตะดาวรุ่งอย่าง ปอล ป็อกบา ที่สมัยนั้นกำลังถูกจับตามองว่าน่าจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดผู้เล่นในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดภายใต้การคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนหน้าการมาของ ไรโอล่า ความสัมพันธ์ระหว่างทีมปีศาจแดงและมิดฟิลด์รายนี้กำลังเป็นไปได้สวย เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแดนกลางของทีมต่อจาก พอล สโคลส์

แม้มันจะเป็นอาชีพที่ทำเงินจากเขาได้มาก แต่ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีในฐานะเอเยนต์สิ่งเดียวที่ ไรโอล่า รู้สึกเกลียดเกี่ยวกับอาชีพนี้ก็คือการที่เขาไม่เคยได้เห็นลูกโต

ปัจจุบัน ไรโอล่า มีลูกค้าเกือบ 70 ราย โดยตลอดอาชีพเขาผ่านการทำสัญญามูลค่ารวมสูงกว่า 629 ล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นค่านายหน้าเข้าตัวเขาเต็ม ๆ ที่ 62.9 ล้านดอลลาร์ และยังเป็นหนึ่งในห้าเอเยนต์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการกีฬาโลก

? สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ มิโน ไรโอลา (Mino Raiola) ได้ที่ Twitter @MinoRaiola / IG @minoraiola