พรีเมียร์ลีก

หงส์ทิ้งผี 30 แต้ม ! ไฮไลท์ ลิเวอร์พูล 2-0 แมนยู, VVD โขกเปิด-ซาล่าห์ยิงปิด

การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 23 ฤดูกาล 2019/20 หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิดล์ ต้อนรับการมาเยือนของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพลงสนามมาในระบบ 4-3-3 โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็น 3 ผสานแดนหน้าตามเคย แดนกลางวันนี้เลือกใช้งาน อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอเลน เป็นตัวตัวจริง

ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จัดทัพมาในระบบ 3-4-1-2 แดเนียล เจมส์ จับคู่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ยืนเป็นกองหน้า ส่วนจอมทัพเป็น อันเดรส เปเรร่า ได้โอกาสออกสตาร์ท

นาทีที่ 7 เนมันย่า มาติช โดนใบเหลืองเร็วเลยเมื่อไปยกเท้าสูงใส่หน้าของ ไวจ์นัลดุม กลางสนาม แล้วจังหวะฟรีคิก อาร์โนลด์ โยนไปลุ้นในกรอบมาเน่ได้โขกแต่ก็ไม่ตรงกรอบ

GOAL !!! นาทีที่ 14 ประตูแรกของเจ้าถิ่นมาแล้วจากลูกเตะมุมด้านขวา อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลเข้ามากลางประตูแล้วเป็น ฟาน ไดจ์ ที่มี วิลเลี่ยมส์ เป็นตัวประกบแต่กระโดดขึ้นคนเดียวก่อนโขกเต็มหัวก่อนหน้า แม็คไกวร์ เสียบใต้คานสุดงาม 1-0

VAR !!! นาทีที่ 25 หงส์แดง ส่งบอลเข้าตุงตาข่ายไปอีกแล้วเป็นจังหวะที่ ซาลาห์ วอลเล่ย์สวนจากเตะมุมแล้วบอลลอยโด่ง ฟาน ไดจ์ค ถอยหลังไปโขกแย่ง เด เคอา ที่จะออกมารับบอลในกรอบหกหลากระฉอกออกมาแล้วมาเน่ ไปแย่งบอลมาเล่นต่อไหลให้ ฟิร์มิโน่ ปั่นด้วยขวาเข้าไปทางเสาไกลตุงตาข่าย นักเตะยูไนเต็ดไม่ยอมมา ประท้วงแล้วดู VAR กลับคำตัดสินไม่ให้ประตู โดยจังหวะนี้ เด เคอา โดนใบเหลืองไปด้วย

VAR !!! นาทีที่ 36 หงส์แดง ส่งบอลเข้าประตูอีกแล้วแต่ไม่ได้เป็นการจ่ายบอลอย่างสวยของ แชมเบอร์เลน ที่แทงให้ ไวจ์นัลดุม หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนแปสวนตัวของ เด เคอา เข้าไปทางเสาไกลทว่าไลน์แมนยกธงไปก่อนแล้ว VAR ยืนยันว่าล้ำไปครึ่งตัว

นาทีที่ 43 ช่วงท้ายครึ่งแรก หงส์แดง ดูแผ่วลงไปปล่อยให้ผู้เล่น ปีศาจแดง เติมเกมรุกเข้าใส่ต่อเนื่องและมาได้ลุ้นจากจังหวะ อันเดรส เปเรร่า พาบอลลุยขึ้นมาจากแดนตัวเองก่อนตัดสินใจยิงไกล แต่ทาง อลิสซอน เซฟเอาไว้ได้สบาย ๆ

ถึงนาทีที่ 44 เจ้าบ้านน่าจะได้ประตูที่สองมาก จากจังหวะแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ดันขึ้นสูง หงส์แดง เล่นโต้กลับ ฟาน ไดจ์ค วางยาวขึ้นหน้าบอลถึง ซาลาห์ เอาบอลลงแล้วจ่ายต่อไปให้ มาเน่ ที่สอดขึ้นมาก่อนเลือกยิงเลยทันทีแต่ทาง เด เกอา เซฟ เอาไว้ได้ และจบครึ่งแรก หงส์แดง นำอยู่ 1-0

นาทีที่ 47 มาถึงครึ่งหลัง โอกาสทองของเจ้าบ้านแต่พลาดไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ มาเน่ ไหลต่อให้ โรเบิร์ตสัน ตบเข้ากลาง ลุค ชอว์ ที่พยายามเกี่ยวบอลพลาดไปแล้วหลุดไปถึง ซาลาห์ แต่วางเท้าไม่ดีแปหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 48 หงส์แดง บุกต่อเนื่องและได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กดด้วยขวาเน้น ๆ จากนอกกรอบเขตโทษ บอลเกือบจะเบียดเสาเข้าไปอยู่แล้ว แต่ทาง เด เกอา พุ่งปัดปลายมือบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

ต่อมานาทีที่ 56 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เทรนท์ อาโนลด์ ทุ่มพลาดไปเข้าทาง เฟร็ด พาลุยขึ้นหน้าไปเองก่อนได้ปั่นด้วยซ้ายแต่หลุดกรอบออกไป

เข้าสู่นาทีที่ 58 ปีศาจแดง ลุยมาอีกครั้งและเกือบจะได้ประตูตีเสมอจากจังหวะ มาร์กซิยาล ทำชิ่งกับ เปเรร่า หลุดเข้าเขตโทษและเป็น มาร์กซิยาล ได้ตะบันด้วยขวาแบบเต็ม ๆ ข้อแต่บอลแรงเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 62 หงส์แดง ได้โต้กลับ ไวจ์นัลดุม พริ้วหนี มาติช แล้วพาบอลลุยขึ้นหน้าจ่ายต่อให้ มาเน่ ควบบอลหนี แม็คไกวร์ แต่ไม่มีมุมยิงก่อนพยายามตบเข้ากลางแต่โดนไม่เต็มเท้าบอลผ่านปากประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย

ในนาทีที่ 65 ลิเวอร์พูล ถอด อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอเลน ออกแล้วส่ง อดัม ลัลลาน่า ลงไปแทน กล้องจับไปที่ม้านั่งสำรอง ดิ อ็อกซ์ มีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย

นาทีที่ 66 เฟร็ด เบียดแย่งบอลจาก ไวจ์นัลดุม แล้วบังพาลุยขึ้นมาก่อนเลือกยิงไกลทันทีเพราะเห็น อลิสซอน ออกมาไกลจากประตู แต่ก็ยังเซฟเอาไว้ได้

GOAL !!! นาทีที่ 90+2 หงส์แดง ตั้งรับอยู่นานก่อนจะมาได้ประตูการันตีชัยชนะในเกมนี้จากจังหวะ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เล่นเร็วคว้าบอลแล้วสาดยาวขึ้นหน้าทันทีให้ ซาลาห์ ที่รออยู่คนเดียวโล่งพาบอลควบหลุดไปยิงรอดตัว ดาบิด เด เกอา เข้าไปไม่เหลือ

จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ ทุบ แมนยู 2-0 โดยได้ประตูชัยจาก เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ โม ซาล่าห์ เก็บ 3 คะแนนมี 64 แต้ม ห่างรองจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า แมนซิตี้ 16 แต้ม และทิ้งห่าง แมนยู ที่อยู่อันดับ 5 มี 34 แต้มออกไปแล้ว 30 คะแนน

ไฮไลท์ ลิเวอร์พูล 2-0 แมนยู

 

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เวอร์จิล ฟาน ไดจค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

แมนยู (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิกเตอร์ ลินเดอลอฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – เนมานย่า มาติช, เฟร็ด – แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ , อันเดรียส เปเรร่า, แดเนี่ยล เจมส์ – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button