ข่าวการเมือง

เปิดประวัติ ธรรมนัส พรหมเผ่า จากต้องคดีออสเตรเลีย สู่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เปิดประวัติ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” จากต้องคดียาเสพติดออสเตรเลีย สู่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ขอขอบคุณภาพจาก : tnews.co.th

Advertisements

ชื่อของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ถูกพูดถึงในแวดวงการเมืองอีกครั้งหลัง สุไพรพล ช่วยชู – Supraipon Chuaychoo ส.ส.พรรคเพื่อชาติ ได้โพสต์ถึง ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า

ในอดีตนั้นธรรมนัส หรือ ร.อ. มนัส หรือ ร.ต. พชร เคยถูกจับติดคุกประเทศออสเตรเลียโทษฐานขนเฮโรอีน คดีถึงที่สุด ศาลออสเตรเลียได้พิพากษาตัดสินให้จำคุก (จำไม่ได้ว่ากี่ปี) มนัสติดคุกออสเตรเลียหลายปี ต่อมารัฐบาลไทยทำเรื่องขอโอนตัวมนัสในสถานะนักโทษยาเสพติดจึงเดินทางกลับมายังประเทศไทย แต่จะนำตัวกลับมาติดคุกต่อหรือไม่นั้นไม่ทราบได้ ซึ่งตามจริงนั้น มนัสต้องกลับมารับโทษจำคุก ต่อที่ประเทศไทยอีกหลายปีเพราะคดีขนเฮโรอีน โทษหนักมาก แต่ทราบมาว่ามีผู้ใหญ่ใจดีในกองทัพ อุปถัมป์ค้ำจุนรับนายมนัสกลับเข้ารับราชการทหาร (ถูกไล่ออกจากราชการแล้วกลับมาใหม่)

ต่อมา ปี 2541 ร.ท. พชร พรหมเผ่า (ชื่อใหม่) มีชื่อเข้าไปพัวพันคดีฆาตกรรม ดร.พูลสวัสดิ์ จิราภรณ์ ผลคือศาลยกฟ้อง

(ร.อ.ธรรมมนัส เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง เดิมชื่อว่า มนัส ก่อนเปลี่ยนเป็น ยุทธภูมิ แล้วเปลี่ยนกลับเป็น มนัส, พชร และธรรมนัส เคยเปลี่ยนนามสกุลจาก โบกพรหม เป็น พรหมเผ่า ชื่อเล่นตั้งแต่เกิดชื่อ นัท แต่สื่อมักเรียกว่า “ผู้กองตุ๋ย” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และจบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 36: ที่มา workpointnews.com)

Advertisements

ประเด็นคือ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ส่วนที่ 2 มาตรา 98 บุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้าม มิให้รับใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ข้อ 10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดตามกฏหมาย ว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า (ที่มา : Kapook.com)

ต่อเรื่องดังกล่าว ทำให้มีกระแสสังคมตามมาถึงความเหมาะสมของนายธรรมนัส พรหมเผ่าต่อเก้าอี้กระทรวง เนื่องจากเคยต้องโทษคดีมาก่อน นายวิษณุ เครืองาม ได้ชี้แจงว่า

“ในอดีตเคยมี ส.ส.ต้องคำพิพากษาในต่างประเทศกรณีขนยาเสพติดเข้าฮ่องกง ตรงนั้นไม่มีผลกระทบอะไรในส่วนของไทย แต่จะกระทบเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ และอะไรหลายอย่าง อาจจะเป็นข้อห้ามอีกแบบหนึ่ง แต่จะเอาข้อหานั้นตรงๆ มาใช้ไม่ได้ แม้ข้อหาอาจจะตรงกัน แต่ศาลไทยไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน” (ที่มา : มติชนออนไลน์) ยืนยันว่า ไม่มีผลในส่วนของคุณสมบัติว่าเคยต้องคดี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิษณุเครืองาม

ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) และอดีตแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ความคิดเห็นของนายวิษณุ เครืองามว่า

“เอาล่ะซิ จะพากันเดือดร้อนแน่คราวนี้

ที่นายวิษณุให้ความเห็นทางกฎหมาย กรณีของนายมนัส พรหมเผ่า นักค้าเฮโรอีนชาวไทยที่ถูกศาลออสเตรเลียตัดสินให้จำคุกในคดีค้ายาเสพติด และทางการไทยขอให้โอนตัวกลับมารับโทษ ว่าไม่ใช่นักโทษตามกฎหมายไทยนั้น จึงเป็นการตีความที่ขัดต่อข้อกฏหมายอย่างชัดเจน เป็นการตีความเพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่อดีตนักโทษชายมนัส

ดังนั้น การที่นายกฯประยุทธ์เลือกนายมนัสให้มาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯจึงเป็นเรื่องที่มิควรกระทำอย่างยิ่ง ที่สำคัญนายกฯประยุทธ์ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ”

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2224213284343178&id=181257625305431

 

ล่าสุดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ออกมาชี้แจงต่อกระแสข่าวเรื่องที่ตนต้องคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลียว่า

“เป็นเรื่องโอละพ่อ ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่นำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตยาเสพติดและจำหน่ายแต่อย่างใด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เริ่มจากที่ตนเดินทางไปเที่ยวนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ตามคำเชิญจากพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ใน ป.ป.ส.ของสหรัฐฯ เดินทางเข้าออสเตรเลียโดยผ่านการตรวจค้นอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน แต่ตนโชคร้าย เพราะคนที่ถูกจับนั้น อยู่ที่เดียวกับที่ตนอยู่ด้วย ตนจึงโดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ไม่ได้โดนข้อหาผลิตยาเสพติดและนำเข้ายาเสพติด

“ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในนครซิดนีย์ 4 ปีเต็มๆ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทย เพราะนายกฯเทศมนตรีนครซิดนีย์ ไม่ต้องการให้คนเอเชียที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งอยู่ ผมจึงถูกส่งตัวกลับมา แต่ไม่ได้มารับโทษ ไม่ได้ถูกส่งตัวในฐานะนักโทษยาเสพติด ยืนยันว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมในประเทศไทย”

ส่วนประเด็นเรื่องที่ถูกถอดยศนั้น เรียนชี้แจงว่า ได้รับการเลื่อนยศจากร้อยโทเป็นร้อยเอกช่วงเดือนมิถุนายน 2541 ที่เคยถูกปลดออกจากราชการด้วยโทษวินัยร้ายแรง ก็พ้นผิดจาก พ.ร.บ.ล้างมลทินปี 2550 แล้ว

อ้างอิงจาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button