กัมพูชา พบซากแม่ลูกช้างตาย โบ้ยฝีมือทหารไทย อ้างโดนกระสุน-สะเก็ดระเบิด

กัมพูชา พบซากแม่ช้าง-ลูก ตายแถวชายแดนพระวิหาร อดีตรมต. โพสต์โบ้ยฝีมือทหารไทย อ้างโดนกระสุน-สะเก็ดระเบิด
เขียว กัญญาฤทธิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ กัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและชุมชนท้องถิ่นว่า
พบซากช้างพังและลูกช้างเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้น ช้างพัง 1 เชือก มีน้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม และลูกช้างแรกเกิด มีน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม เสียชีวิตอยู่ในลำห้วย โดยช้างพังมีบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งเกิดจากกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดของไทย ทำให้แท้งลูกและเสียชีวิตทั้งแม่และลูกช้างด้วยเช่นกัน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมกำลังดำเนินการศึกษาค้นคว้าและดำเนินมาตรการต่อซากช้างต่อไป
ก่อนหน้านี้ ประชาชนผู้ประกอบอาชีพหาของป่า (เก็บน้ำมันยาง) ได้รายงานว่าพบรอยเท้าช้างบาดเจ็บ มีรอยเลือดหยดติดอยู่บนพื้นดินและหญ้าบริเวณจุดดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ผู้อำนวยการกรมสิ่งแวดล้อมจังหวัดพระวิหาร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพระรกา-แฉบ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยสัตว์ป่าขององค์กร WCS ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
แต่เนื่องจากสภาพป่าทึบและอยู่ใกล้สมรภูมิสู้รบจากการรุกรานของกองทัพไทย ทีมงานจึงไม่สามารถค้นหาและช่วยเหลือช้างได้ทันท่วงที จนกระทั่งวันที่ 22 ธันวาคม 2568 จึงได้พบว่าช้างทั้งสองเชือกได้เสียชีวิตลงแล้ว

ดร.เอียง สุฟัลเล็ต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ในโอกาสได้รับเชิญไปปาฐกถาที่ราชบัณฑิตยสภากัมพูชา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ได้กล่าวว่า สงครามการรุกรานต่ออธิปไตยกัมพูชา ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังทำลายทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
การรุกรานและละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ทำการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือพื้นที่คุ้มครองทางธรรมชาติ
ขอเรียนย้ำว่า ในจังหวัดพระวิหารที่ผ่านมา ได้พบการปรากฏตัวของช้างประมาณ 20 เชือก อาศัยและเคลื่อนย้ายจากเทือกเขาพนมดงรัก ติดพรมแดนกัมพูชา-ไทย ในภูมิศาสตร์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแฉบ-พระรกา จังหวัดพระวิหาร ลงไปจนถึงพรมแดนกัมพูชา-ลาว จังหวัดพระวิหารมีพื้นที่คุ้มครองทางธรรมชาติจำนวน 8 แห่ง
โดยมีพื้นที่คุ้มครอง 3 แห่งที่มีภูมิศาสตร์ติดพรมแดนกัมพูชา-ไทย ได้แก่ เขตพื้นที่คุ้มครองภูมิทัศน์ปราสาทพระวิหาร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากุเลน-พรหมเทพ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพระรกา-แฉบ ซึ่งกำลังถูกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยในจำนวนนี้มีสัตว์ป่าจำนวนมากที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากธรรมชาติ เนื่องจากการรุกรานจากประเทศไทย
จากการวิจัยพบว่า ช้างเอเชียในประเทศกัมพูชาอาศัยอยู่ในพื้นที่บางส่วน เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคเหนือ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการบันทึกการตายของช้างในพื้นที่ภาคเหนือแต่อย่างใด
ผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ประชากรช้างในประเทศกัมพูชามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าสังเกต โดยมีมากกว่า 600 เชือก อาศัยอยู่ในพื้นที่คุ้มครองทางธรรมชาติทั่วกัมพูชา ช้างเอเชียได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และถูกจัดอยู่ในบัญชีไซเตส 1 (CITES Appendix I)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทหารไทย ยึดรังเขมร พบเสบียงเพียบ ‘มาม่า-ปลากระป๋องไทย’ พร้อมถุงยางวางเกลื่อน
- ทหารเขมร พกเมียไปรบด้วย นั่งมุดบังเกอร์ หวานฉ่ำกลางสมรภูมิ ไม่กลัวตาย
- “หลวงตาสุจ” แจงคลิปเขมรขอสงบศึก ฝีมือคนไทยตัดต่อ หวังให้ถูกไล่พ้นแผ่นดินกัมพูชา
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





