ประวัติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ตำนานตำรวจป่าแห่ง ตชด. สู่ผู้นำสีกากี
ประวัติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เส้นทางชีวิตนักรบชายแดนสู่ผู้นำสีกากี ผู้ฝากผลงาน 27 ปีในป่าเขา และบทบาทสำคัญทางการเมือง ก่อนถึงแก่อนิจกรรมสงบในวัย 78 ปี
ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของวงการสีกากี เมื่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 4 อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลตำรวจ ในช่วงเช้าวันที่ 15 ธันวาคม 2568 สิริอายุ 78 ปี สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากอาการหน้ามืดล้มที่บ้านพักย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งสื่อกระแสหลักหลายสำนักต่างระบุตรงกันว่า การจากไปครั้งนี้เปรียบเสมือน “การปิดตำนานตำรวจป่า” ที่แท้จริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เส้นทาง “ตำรวจป่า” – 27 ปีในกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2490 ที่ตำบลอมฤต อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของ “นายเกษม วัฒนะ” อดีตข้าราชการครูและนายอำเภอผักไห่ และ “นางสวง วัฒนะ” ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ แพทย์หญิงวันทนีย์ (ศรีอุทารวงค์) วัฒนะ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร มีบุตรด้วยกัน 2 คน
ด้านการศึกษา เขาเริ่มต้นเรียนประถมที่โรงเรียนเทพประสิทธิ์วิทยาและโรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข ก่อนเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสอบเข้าสู่เส้นทางสายเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 22 ซึ่งถือเป็นรุ่นที่มีนายตำรวจระดับสูงจำนวนมากในยุคนั้น
หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โกวิทเริ่มต้นชีวิตราชการใน กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และปักหลักอยู่กับหน่วยนี้ยาวนานกว่า 27 ปี โดยเฉพาะในช่วง พ.ศ. 2513–2518 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ในเวลานั้น ได้รับบทบาทเป็นผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจ ตชด.
ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ภาคเหนือตามแนวชายแดนไทย–พม่า รวมถึงภารกิจเสี่ยงอันตรายในการคุ้มครองการก่อสร้างเส้นทางในเขตอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร ทำให้ภาพจำของเขาคือ “ตำรวจแนวหน้าในป่าเขา” ที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง มากกว่าตำรวจนครบาล
ด้วยความสามารถและความทุ่มเท โกวิท เติบโตในสายงานจนก้าวขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด โดยมีผลงานโดดเด่นทั้งด้านการปราบปรามยาเสพติดและการปะทะกับกลุ่มก่อการร้ายและผู้เห็นต่างตามแนวชายแดนหลายสิบครั้ง
จนกระทั่งในปี 2537 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ภาพลักษณ์ของ “นักรบชุดเขียว หมวกเบเรต์ดำ” ทำให้เขาได้รับการยกย่องจากสื่อและคนในองค์กรว่าเป็น “ตำนานตำรวจป่า” ผู้มีจิตวิญญาณนักรบ ตชด. อยู่ในสายเลือด

ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
วันที่ 1 ตุลาคม 2547 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพตำรวจ ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 4 ภายหลังจากการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติแยกออกจากกรมตำรวจ โดยเขาดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550
ช่วงเวลาดังกล่าว โกวิท ต้องรับมือกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และสถานการณ์การเมืองที่เริ่มร้อนระอุในช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องถึงเหตุการณ์หลังรัฐประหารปี 2549
หลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2549 พล.ต.อ.โกวิท ได้เข้าร่วมเป็นรองหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ (คปค.) และสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมีอำนาจกำกับดูแลงานด้านตำรวจ แต่ในช่วงกลางปี 2549 ถึงต้นปี 2550 โกวิท ถูกคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีระเบิดช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยว่าคำสั่งย้ายดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เขากลับมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. จนครบวาระเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2550
หลังเกษียณราชการ พล.ต.อ.โกวิท เข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว ในปี 2551 เขาได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สังกัดพรรคพลังประชาชน ก่อนจะต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อพรรคถูกยุบ
ต่อมาในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาได้กลับมามีบทบาทอีกครั้งในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ถึง 18 มกราคม 2555 ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งหลังการปรับคณะรัฐมนตรี
แม้บทบาททางการเมืองและการบริหารงานตำรวจจะมีทั้งเสียงชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ แต่สำหรับเหล่าตำรวจตระเวนชายแดน พล.ต.อ.โกวิท คือ “ต้นแบบสายเลือดตำรวจป่า” อย่างแท้จริง ตลอดหลายปีหลังเกษียณ เขายังคงกลับไปเยี่ยมเยียน ให้โอวาท และถ่ายทอดประสบการณ์แก่กำลังพล ตชด. โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค 3 (ภาคเหนือ) โดยเน้นย้ำเรื่องระเบียบวินัย ความเสียสละ และหัวใจของการเป็นตำรวจชายแดน การจากไปของท่านในปี 2568 จึงนับเป็นการปิดตำนานบทสำคัญของนายตำรวจผู้อุทิศตนเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยมายาวนาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





