ข่าว

หดหู่! กู้ภัยเล่าเคสอุทาหรณ์ เจ้าของบ้านไล่คนเจ็บไปสิ้นใจที่อื่น สุดท้ายยื้อไม่ทัน

อาสากู้ภัยเชียงใหม่ เปิดเคสอุทาหรณ์รีบช่วยคนเจ็บ เศษซากรถกระจัดกระจาย ทีมกู้ชีพพบหมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร ต้องลงมือปั๊มหัวใจ แต่แทนที่จะได้ความร่วมมือกลับเกิดเรื่องสะเทือนใจยิ่งกว่าอุบัติเหตุ ! เมื่อเจ้าของบ้านตะโกนไล่ให้ไปสิ้นใจที่อื่น

จากกรณีวานนี้ (13 ธ.ค.68) เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ร่วมด้วยช่วยกัน อาสากู้ชีพ เชียงใหม่” เพจอาสาสมัครกู้ชีพในเชียงใหม่ ซึ่งคอยทำหน้าที่ประสานงานเหตุฉุกเฉิน รับบริจาค และเปิดรับสมัครอาสาฝึกทักษะช่วยชีวิต ได้เปิดเผยเนื้อหาที่เป็นอุทาหรณ์ หลังจากทีมงานได้รีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ หมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร ต้องลงมือปั๊มหัวใจ (CPR) ทันที แต่แทนที่จะได้รับความร่วมมือกลับเกิดเรื่องสะเทือนใจยิ่งกว่าอุบัติเหตุ เจ้าของบ้านกลับตะโกนไล่กู้ชีพ ให้รีบเอาคนเจ็บออกไปจากหน้าบ้าน เพราะ “ไม่อยากให้มาตายในบ้านตัวเอง”

เนื้อหาที่ลงไว้ในเพจทั้งหมดระบุว่า “กู้ชีพกำลังยื้อชีวิต แต่ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะ… อย่ามาตายในบ้านกู ความเชื่อที่ทำร้ายคนเจ็บ และทำร้ายคนช่วย” อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนรั้วบ้าน ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ กระเด็นเข้าไปในบริเวณในหน้าตัวบ้านของชาวบ้าน เจ้าของบ้านถึงกับแตกตื่นรีบโทรแจ้งกู้ชีพ แต่เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น… เมื่อทีมกู้ชีพเดินทางถึง พบผู้บาดเจ็บ หมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร ต้องลงมือปั๊มหัวใจ (CPR) ทันที เพราะ “ทุกวินาทีคือชีวิต”

แต่แทนที่จะได้รับความร่วมมือกลับเกิดเรื่องสะเทือนใจยิ่งกว่าอุบัติเหตุ… เจ้าของบ้านกลับตะโกนไล่กู้ชีพ ให้รีบเอาคนเจ็บออกไปจากหน้าบ้าน เพราะ “ไม่อยากให้มาตายในบ้านตัวเอง” เสียงตะโกนด่าทอถาโถมใส่ทีมกู้ชีพ ทั้งที่กำลังพยายามยื้อชีวิตอยู่อย่างเต็มกำลัง ทีมกู้ชีพจำใจต้องยกผู้บาดเจ็บออกมายังถนนทันที ทั้งที่ยังทำ CPR ไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว เพื่อป้องกันการทะเลาะและเร่งยื้อชีวิตให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

ภาพเหตุการณ์ทำคนในพื้นที่และชาวเน็ตที่เห็นคลิปถึงกับอึ้ง หลายคนตั้งคำถามว่า “กู้ชีพทุ่มสุดตัว แต่กลับต้องโดนด่าเพราะความเชื่อส่วนตัวของเจ้าของบ้าน?”

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ดราม่า แต่สะท้อนสังคมว่า ความเชื่อบางอย่างอาจกำลังพรากชีวิตใครไปโดยไม่ตั้งใจ

ต่อมาประเด็นดังกล่าวเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง บางส่วนเข้ามาตำหนิผู้ที่ออกมาความเห็นทำนองว่า เข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายทั้งมุมเจ้าของบ้านและคนเจ็บ แต่อีกหลายเสียงยังคงเน้นย้ำทำนองไม่ว่า อย่างไรการช่วยเหลือชีวิตคนนั้น ! ย่อมสำคัญกว่าความเชื่อแต่โบราณที่ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์ใดมาอ้างอิงหรือเช่นนี้หรือไม่ด้วย

“วันหนึ่ง คุณอาจเจอกับตัวเอง หรือคนในครอบครัว คุณก็เป็นไปได้นะค่ะ แล้วคุณจะรู้สึก”

“ความเชื่อบ้าๆบอๆนี่มันยุคไหนหละ ทุกคนก็ต้องตายเหมือนกันหมดแต่ที่ควรมีคือน้ำใจและความเป็นมนุษย์มากกว่า”

“ใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาตายโหงในบ้านเราก็ไม่ไหวนะครับ”

“เห็นใจทั้งสองฝ่ายค่ะ ใจเขาใจเรา สู่ภพภูมิที่ดีค่ะ” (อ่านโพสต์ฉบับเต็ม).

ภาพ Facebook @PABONGRESCUE
ภาพ Facebook @PABONGRESCUE
ภาพ Facebook @PABONGRESCUE
ภาพ Facebook @PABONGRESCUE
ภาพ Facebook @PABONGRESCUE

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button