เปิดผลสรุป “แถลงปิดคดีนัทปง” 40 วินาทีสลด กล้องบันทึกเลือกไปอย่างสงบ
ตำรวจแถลงปิดคดี “นัทปง” ระบุ เป็นการอัตวินิบาตกรรม ภาพกล้องวงจรปิดในห้องเกิดเหตุ สอดคล้องคำให้การพยานไม่มีใครทำให้เสียชีวิตด้วยสารพิษ ผลชันสูตรพบการไหม้ที่ “ผิวลิ้น” ไปถึงกระเพาะอาหาร เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับ “นายกิตติ” เพียงรายเดียว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.68 ที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.เดชรพี คงดี ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.พฐ.1 (ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1) พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบ พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส. พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.1 บก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย พ.ต.อ.ศุภชัย ศรีศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวคดีการเสียชีวิตของ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ นัทปง ผู้สื่อข่าวช่อง 8
จากการสอบปากคำพยานในบ้านผู้เสียชีวิต 4 ปาก และพยานที่นำวัตถุพยานออกจากที่เกิดเหตุไปอีก 1 ปาก ทำให้ทราบว่ามีบุคคลซึ่งเป็นผู้นำไซยาไนด์มาให้ผู้ตาย เพิ่มอีก 1 คน จึงได้นำตัวทั้งหมดมาทำการสอบสวนอย่างละเอียด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนหาที่มาของสารไซยาไนด์ดังกล่าว จึงพบว่า นายกิตติ ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านทำทอง เป็นผู้ลักลอบนำสารดังกล่าวออกจากร้านมาให้ผู้ตาย ตรงกับผลการตรวจสอบในบ้านพักของผู้ตาย ซึ่งพบว่าเป็นสารไซยาไนด์ตัวเดียวกัน ซึ่งไม่พบว่ามีบุคคลอื่นไปหยิบจับหรือยุ่งเกี่ยวกับซองบรรจุไซยาไนด์ที่พบในห้องที่มีการเสียชีวิต จึงสรุปได้ว่าผู้ตายได้กระทำการอัตวินิบาตกรรม ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ไม่ติดใจในการสรุปคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังทราบว่าพบสารไซยาไนด์ในร่างกาย และทำให้นายณัฐวุฒิ เสียชีวิต ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อไล่เรียงเหตุการณ์ กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค.68 กลุ่มบุคคลที่อยู่ในวันดื่มเหล้ากับผู้ตาย 4 คน และผู้ใกล้ชิดอีก 1 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และมอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายให้ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อไล่เรียงเหตุการณ์ตามคำให้การของพยานทั้ง 5 คน ภายในบ้านมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 10 ตัว ตั้งแต่หน้าบ้าน ภายในห้องโถง บันไดทางขึ้นชั้น 2 แต่ภายในห้องที่ผู้ตายนอนเสียชีวิต ยังไม่สามารถเปิดได้
ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่ตำรวจสามารถดูได้นั้น ตรงกับคำให้การของพยานทั้ง 5 คน ได้สอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน ทั้งเวลา การเคลื่อนไหวในบ้าน และการเข้าออกบ้าน จนวันที่ 8 ธ.ค. นายกิตติ ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนให้ปากคำเกี่ยวกับการนำสารไซยาไนด์มาให้ผู้ตาย ตำรวจได้ดูวงจรปิดก็ตรงกับคำให้การว่า ได้นำมาให้กับผู้ตายวันที่ 29 ต.ค.68 โดยนำมาวางไว้ที่โต๊ะกลางบ้าน หลังจากนั้น นายธีระพงษ์ หรือบิ๊ก เพื่อนผู้ตาย นำไปเก็บในห้องที่พบผู้เสียชีวิต
จนวันที่ 11 ธ.ค. ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้ร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ และได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตัวที่อยู่ในห้องที่พบผู้ตายจึงได้พบภาพผู้เสียชีวิต หยิบซองกระดาษที่ใส่สารไซยาไนด์ ซึ่งอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ ออกมาไว้กับตัว ใช้เวลา 40 วินาที ก่อนจะนำกลับไปเก็บยังที่เดิม
หลังจากนั้นกลุ่มคนภายในบ้านที่นั่งดื่มเหล้าได้กลับออกไปจากบ้าน เหลือเพียง 2 คน คือนายบิ๊ก กับนายต้น และผู้ตาย
จนเวลา 08.39 น. จึงมาพบนายณัฐวุฒิ นอนเสียชีวิตภายในห้อง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านทั้ง 10 ตัว ตรงกับคำให้การพยานและคนใกล้ชิด รวม 6 ปาก ในทิศทางเดียวกัน


พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.พฐ.1 กล่าวว่า หลังจากทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ได้รับแจ้งให้ร่วมลงตรวจสอบในบ้านพักที่เกิดเหตุ ตามคำให้การของนายกิตติ ซึ่งเป็นคนนำสารไซยาไนด์ออกมาจากร้านทองมาให้ผู้ตายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บสารไซยาไนด์ที่พบในร้านทอง ที่พบในบ้านพักของผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นสารไซยาไนด์ตัวเดียวกัน ประเด็นที่ว่าไซยาไนด์เข้าไปอยู่ในตัวผู้ตายได้อย่างไรนั้น ทางเจ้าหน้าที่พบว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายบิ๊กเป็นคนนำซองบรรจุไซยาไนด์ ไปวางไว้ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้องที่ผู้ตายเสียชีวิต จนวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าผู้ตายเข้าไปหยิบซองไซยาไนด์ที่โต๊ะ ก่อนจะหายออกจากห้องไป 40 วินาที แล้วนำซองยากลับมาเก็บที่เดิม
สารไซยาไนด์ที่ทางเจ้าหน้าที่นำมาตรวจสอบนั้น เก็บได้จากสารที่ได้จากร้านทองที่นายกิตติ ลักลอบนำออกมาให้กับผู้ตาย และตรงกันกับที่นายไอซ์ ได้แบ่งออกไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ และยังตรงกับซองในโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่พบในบ้านพัก ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าเป็นสารโปแตสเซียมไซยาไนด์ตัวเดียวกันทั้งหมด รวมทั้งกองอาเจียนที่พบในห้องที่เสียชีวิต ก็ตรวจสอบพบสารโปแตสเซียมไซยาไนด์เช่นเดียวกัน
ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุว่าไซยาไนด์ที่พบเป็นโกลด์ไซยาไนด์ ทาง พฐ.ไม่ทราบในเรื่องนั้น และผลการตรวจของแพทย์นิติเวช ยังตรวจพบว่ามีการไหม้ที่ผิวลิ้น กลางลิ้น โคนลิ้นไปจนถึงกระเพาะอาหาร ในลักษณะที่ระบุได้ว่า เป็นการสัมผัสตรงเพราะมีความเข้มข้นสูง ลักษณะเข้าทางปากแน่นอน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวสรุปปิดท้ายว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจที่จะไปทำร้ายผู้เสียชีวิต ทั้งพยานหลักฐานซึ่งเป็นซองยาร่วมกับภาพวงจรปิดภายในบ้าน ก็ไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือจับต้อง หลังจากที่ผู้ตายได้เข้าไปหยิบแล้วหายออกจากห้องไป 40 วินาที ก็นำซองกลับมาที่เดิม จนกระทั่งผู้ตายเสียชีวิตลงในห้อง จึงไม่มีประเด็นว่ามีผู้อื่นผู้ใดทำให้ผู้เสียชีวิตตายด้วยสารพิษ.
ที่มา : ไทยรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พุทธอภิวรรณ เผยบทสรุป คดีนัทปง ไม่ใช่ฆาตกรรม ต้องยอมรับความจริง
- พุทธอภิวรรณ เปิดใจถึง ณัฐวุฒิ ปงลังกา 9 ปี ที่คนไม่รู้ น้องชายผู้ภักดีจนวินาทีสุดท้าย
- จิตดี รับไม่ทันตั้งตัว ข่าวช็อก! ณัฐวุฒิ ปงลังกา ขอให้น้องรักสู่สุคติ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





