ข่าว

อู่เล็กๆ ขอน้อมรำลึก ครั้งซ่อมสีรถยนต์พระที่นั่ง เปิด 6 พาหนะคู่พระทัย พระพันปีหลวง

รถยนต์พระที่นั่ง พระพันปีหลวง สง่างามไม่เสื่อมคลาย ย้อนดูเรื่องเล่า ตำนานความเป็นมาของ รถยนต์พระที่นั่ง จวบจนปัจจุบันช่างซ่อมสีอู่เล็กๆ ขอน้อมรำลึก

รถยนต์ ถือเป็นเทคโนโลยีของศตวรรษที่ 20 เข้ามาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรกไม่ทราบเวลาแน่ชัด เข้าใจว่าคนที่สั่งรถยนต์เข้ามาใช้ในประเทศไทยคนแรกเป็นชาวต่างชาติ ไม่ทราบว่าเป็นยี่ห้อใด

มีรายละเอียดบางประการ อธิบายไว้ในสาส์นสมเด็จ อันเป็นลายพระหัตถ์โต้ตอบของพระบรมศานุวงศ์สองพระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ องค์สถาปนิกผู้รังสรรค์สร้างวัดเบญจมบพิตร กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย

โดยลายพระหัตถ์เมื่อปี พ.ศ. 2458 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า รถยนต์คันแรกในประเทศไทยรูปร่างคล้ายรถบดถนน ล้อยางตัน มีหลังคาเป็นปะรำ มีที่นั่งสองแถว ใช้น้ำมันปิโตรเลียม ไฟหน้าลักษณะคล้ายเตาฟู่ เช่นเดียวกับรถยุคแรกๆ

ส่วนใหญ่เครื่องยนต์มีกำลังเพียงพอสำหรับวิ่งบนที่ราบ แต่ไม่เพียงพอที่จะขึ้นสะพานได้ ข้อด้อยดังกล่าวจึงทำให้การใช้งานมีขีดจำกัด เนื่องจากบางกอกสมัยนั้นใช้การขนส่งทางเรือเป็นหลัก สะพานข้ามคลองจึงต้องยกสูงเพื่อให้เรือลอดได้ แต่กลับเป็นปัญหาสำคัญในการใช้รถยนต์ หรือยวดยานที่มีล้อ

หลังจากนำรถยนต์เข้ามาในเมืองไทยได้ไม่นาน ชาวต่างชาติผู้นั้นก็ขายต่อให้แก่ จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ก่อกำเนิดยุครถยนต์ในประเทศไทย

เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเป็นคนหัวสมัยใหม่ นิยมชมชอบในเรื่องเครื่องยนต์กลไก ทั้งใฝ่รู้ในสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ และพอใจที่จะเป็นเจ้าของเครื่องยนต์กลไกแปลกใหม่ ในทันทีที่มีการจำหน่าย

ในลายพระหัตถ์ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเล่าว่า ในตอนแรกที่ซื้อรถคันดังกล่าวมา เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีไม่สามารถขับได้ เพราะเกียร์แข็ง เข้ายาก ต้องให้น้องชาย คือ พระยาอนุทูตวาที (เข็ม แสงชูโต) แก้ไขให้

พระยาอนุทูตวาที มีอายุอยู่ระหว่าง ปี พ.ศ.2413 –2482 และมีหัวในเรื่องเครื่องยนต์กลไก และเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถพันทุ่นมอเตอร์ได้ เป็นคนไทยคนแรกที่ไปรับจ้างทำงานในประเทศอังกฤษ จึงเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถขับรถยนต์ในประเทศไทยด้วย

พระยาอนุทูตวาที สามารถเรียนรู้การขับรถยนต์คันดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และยังได้ถ่ายทอดให้กับผู้อื่นด้วยรถยนต์ของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี วิ่งใช้งานตามถนนในเมืองบางกอกอยู่นานหลายปี

ต่อมา ในปี พ.ศ.2471 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงจัดพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครขึ้นและทรงขอให้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาตั้งแสดงด้วย จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีก็ยอมอนุญาตด้วยความเต็มใจ โดยกราบทูลว่า พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงนำรถไปซ่อมที่กองลหุโทษ

กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงทราบต่อมาหลังว่า พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้สิ้นพระชนม์เสียก่อนที่จะซ่อมเสร็จ และรถก็ทอดทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล จนเมื่อได้เสด็จไปที่กองลหุโทษและถามหารถคันดังกล่าว พนักงานก็ทำท่าพิศวงและยิ้มอย่างสลดใจแล้วนำเสด็จไปยังมุมห้อง

ณ ที่นั้น คือกองโลหะที่หลงเหลือจากน้ำมือพ่อค้าเศษเหล็ก และนั่นคือจุดจบของรถยนต์คันแรกในประเทศไทย

น้ำตาไหล รถตู้ “เจมส์ บอนด์” เคลื่อนพระบรมศพ “พระพันปีหลวง” คันเดียวกับครั้ง ในหลวงรัชกาลที่ 9

ในปี พ.ศ. 2447 มีรถยนต์ 3 คัน เข้ามาวิ่งตามถนนในเมืองบางกอก ไม่มีการบันทึกไว้ว่าเป็นยี่ห้ออะไร ใครเป็นเจ้าของ

ช่วงนั้นรัฐบาลเริ่มเล็งเห็นในบทบาทและความสำคัญของรถยนต์แล้วโดยได้แจ้งความโฆษณาในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ในปีเดียวกัน ระบุว่าโรงกษาปณ์หลวงมีความต้องการซื้อรถยนต์บรรทุกแวน เพื่อใช้ขนส่งทองแท่ง เงินแท่ง และเหรียญกษาปณ์หนักหนึ่งตัน ต้องวิ่งได้เร็วไม่น้อยกว่า 10 ไมล์ ต่อชั่วโมง พร้อมด้วยหลังคาปะรำสำหรับคนขับ และพนักงานประจำรถ

ในปีเดียวกันอีก พระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทรงพระประชวร ต้องเสด็จไปรักษาพระองค์ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่ประทับอยู่ที่นั่น ได้ทรงสั่งซื้อรถยนต์คันหนึ่ง เป็นรถเดมเลอร์-เบนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นรถคันดังกล่าวจาก มองซิเออร์ เอมีเลอ เจลลีเนค ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนั้น ในประเทศฝรั่งเศส

มองซิเออร์ เอมีเลอ เจลลีเนค มีลูกสาวคนหนึ่ง ชื่อ “เมอร์เซเดส” ต่อมาภายหลังชื่อนี้ถูกนำไปใช้แทนชื่อ “เดมเลอร์” กลายเป็น “เมอร์เซเดสเบนซ์” ที่เลื่องลือไปทั่วโลก

เมื่อเสด็จกลับประเทศไทยในปลายปีนั้น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้น้อมเกล้าถวายรถคันดังกล่าวแก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับได้ว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งคันแรกในประวัติศาสตร์ไทย โดยพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงรับหน้าที่เป็นสารถีด้วยพระองค์เอง

รถยนต์พระที่นั่งคันแรก ของประเทศไทย พ.ศ. 2447
รถยนต์พระที่นั่งคันแรก ของประเทศไทย พ.ศ. 2447

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานรถยนต์พระที่นั่งดังกล่าว เพราะทรงเห็นว่า สะดวกสบาย และเดินทางได้รวดเร็วกว่ารถม้าพระที่นั่ง ในยามว่างจากพระราชกรณียกิจ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ นำเสด็จพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ไปตามที่ต่างๆ

ต่อมาทรงเห็นว่า รถยนต์พระที่นั่งคันเดียวไม่พอที่จะใช้งานตามพระราชประสงค์จึงตัดสินพระทัยที่จะซื้ออีกคันหนึ่ง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทำหน้าที่นี้เช่นเดียวกับซื้อรถยนต์คันแรก

พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงเลือกรถเมอร์เซเดส-เบนซ์อีกคันหนึ่ง โดยนำเข้าจากประเทศเยอรมนี รุ่น ปี พ.ศ.2448 เครื่องยนต์ 4 สูบ 28 แรงม้า ความเร็ว 73 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้รับพระราชทานนามว่า “แก้งจักรพรรดิ” นับว่าเร็วที่สุดในยุคนั้น

นี่คือเรื่องราวของรถยนต์พระที่นั่ง นับตั้งแต่ยุคแรกตราบกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน โดยรถยนต์พระนั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยังคงเก็บรักษาอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์รถยนต์หลวง ภายในพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม

รถพระที่นั่ง Land Rover
รถพระที่นั่ง Land Rover แฟ้มภาพ

6 รถยนต์พระที่นั่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เลขทะเบียนรถมงคล

ขณะที่ ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวม 6 รถยนต์พระที่นั่งสำหรับพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประกอบด้วย

  1. รถพระที่นั่งคันที่ 1 โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.901
  2. รถพระที่นั่งคันที่ 2 โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.902
  3. รถพระที่นั่งคันคนที่ 3 เมอร์ซิเดส-เบนซ์ 1000SEL V12 W140 เลขทะเบียน 1ด-0543
  4. รถพระที่นั่งคันที่ 4 คาดิลแลค ดีทีเอส ลิมูซีน นั่งสามตอน เลขทะเบียน ร.ย.ล.942 โดยรถยนต์พระที่นั่งคันนี้เป็นรถยนต์พระที่นั่งที่อัญเชิญพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
  5. รถพระที่นั่งคันคนที่ 5 คาดิลแลค ดีทีเอส ลิมูซีน นั่งสามตอน เลขทะเบียน 1ด-9902
  6. รถพระที่นั่งคันคนที่ 6 คาดิลแลค ดีทีเอส LWB เลขทะเบียน 1ด-9942

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กเขียนข้อความขอน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ และขอน้อมส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย อู่เล็กๆ ที่ได้มีโอกาสได้เคยได้ซ่อมสีรถยนต์พระที่นั่ง ของพ่อหลวง แม่หลวง ของปวงประชาชาวไทย

อู่ซ่อมรถพระพันปี
ภาพ Facebook tingly.boonlam
ช่างซ่อมรถยนต์พระที่นั่ง
ภาพ Facebook tingly.boonlam
รถยนต์พระที่นั่ง ประวัติ
แฟ้มภาพ

สำหรับป้ายทะเบียนรถพระที่นั่ง แต่ละป้ายทะเบียนมีความหมายอย่างไร ตัวอักษ ร.ย.ล เป็นหมวดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ

สำหรับ รถยนต์พระราชพาหนะ ที่จัดซื้อด้วยงบประมาณราชการ อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้ในกิจการพระราชวังไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ทั่วไป รถตู้ รถกระบะ รถบรรทุก หรือรถอะไรก็ตามแต่ ซึ่งเป็นรถที่มาจากเงินหลวง จะต้องใช้เลขทะเบียน ร.ย.ล หรือเลขทะเบียน ดส xxxx นำหน้าซึ่งคำว่า “ดส” ย่อมาจาก พระราชวังดุสิตนั่นเอง.

รถยนต์พระที่นั่งพระพันปี
แฟ้มภาพ

ที่มา : หอจดหมายเหตุ , ไทยรัฐ , Facebook

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button