แห่เอ็นดู ทีมอนุรักษ์ปลอมเป็น “แม่อีกายักษ์” ป้อนอาหาร ภารกิจ 5 เดือนสุดไวรัล

ความสำเร็จครั้งสำคัญ ศูนย์อนุรักษ์เมืองลุงแซม ปล่อย อีกาเรเวน 4 ตัว คืนสู่ป่าสำเร็จ หลังเลี้ยงดูนาน 5 เดือน พร้อมติดห่วงขาเพื่อการวิจัย
ย้อนไปเมื่อเดือนก.ย.68 ที่ผ่านมา ถือเป็นหมุดหมายความสำเร็จครั้งสำคัญของคองเกรส ออฟ เดอะ เบิร์ด (Congress of the Birds) องค์กรอนุรักษ์นกในสหรัฐ เมื่อพวกเขาได้จัดกิจกรรม “ติดห่วงขานก” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ขององค์กร และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ การติดห่วงขาให้กับลูกอีกาเรเวน (Common Raven) 4 ตัว ที่ทีมงานได้ทุ่มเทเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุได้เพียงไม่กี่วัน ก่อนจะปล่อยพวกมันคืนสู่อิสรภาพได้สำเร็จ
ภารกิจ 5 เดือน สู่การคืนชีวิตให้สัตว์ป่า
ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานและอาสาสมัครขององค์กรได้อุทิศตนเพื่อดูแลลูกนกกำพร้าทั้งสี่อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การป้อนอาหารทุกๆ 15 นาทีในช่วงสัปดาห์แรกๆ, การชั่งน้ำหนักและบันทึกพัฒนาการ ไปจนถึงการเฝ้ามองพวกมันหัดเดิน, กระโดด, เกาะคอน, กินอาหารด้วยตัวเอง และในที่สุด คือการหัดบิน!

หัวใจสำคัญของภารกิจนี้ คือ การลดปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ให้เหลือน้อยที่สุด ทีมงานต้องสวมหน้ากากและจำกัดการสัมผัส เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะยังคงสัญชาตญาณของสัตว์ป่าไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ วันนี้ (20 ก.ย.68) ลูกอีกาเรเวนทั้งสี่ต่างก็ระแวดระวังมนุษย์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องและจำเป็นต่อการอยู่รอดของพวกมันในธรรมชาตินั่นเอง
กระบวนการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแบบ “ค่อยเป็นค่อยไป” (soft release) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยพวกมันสามารถบินเข้า-ออกจากกรงขนาดใหญ่ได้อย่างอิสระเพื่อสำรวจโลกภายนอก
โอกาสที่หาได้ยาก ข้อมูลล้ำค่าจากห่วงขานก
การติดห่วงขาในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ! และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยปกติแล้ว อีกาเรเวนเป็นนกที่ติดห่วงขาได้ยากมาก เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่และความฉลาดของมันที่ทำให้การดักจับเป็นไปได้ยาก
ห่วงขาเล็กๆ ที่มีรหัสเฉพาะนี้ จะกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถติดตามและรวบรวมข้อมูลอันล้ำค่าได้ในอนาคต หากมีคนพบเห็นหรือจับพวกมันได้อีกครั้ง ข้อมูลจากห่วงขานี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจถึงอัตราการรอดชีวิต, เส้นทางการเดินทาง และความเป็นอยู่ของพวกมันได้ดียิ่งขึ้น

ทางองค์กรได้กล่าวขอบคุณห้องปฏิบัติการติดห่วงขานกแห่งมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ (Rhode Island) และอาสาสมัครทุกคน สำหรับความร่วมมือในภารกิจครั้งประวัติศาสตร์นี้
“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์ที่แท้จริง” ตัวแทนองค์กรกล่าว “และเรามีความสุขที่สุดที่ได้เห็นพวกมันเป็นอิสระในท้ายที่สุด” (ดูคลิป).









อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หญิงหัวร้อนใช้กระเป๋าฟาดหัว พนง. ก่อนถูกจับ-นอนกองกับพื้น รู้เหตุผลทำคนส่ายหัว
- พบขน-รอยเลือด ขณะติดตามตัว นกยูงอินเดียสีขาว หวั่นทำนกยูงไทยสูญพันธุ์
- ลุ้นอาการ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าอายุ 3 วัน สัตวแพทย์เร่งประเมินหลังถึงบึงฉวาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: