อาหารอีเว้นท์ไลฟ์สไตล์

ดอกไม้กินได้ ตำหรับไทยโบราณ อาหารจานสร้างสรรค์ อร่อย เป็นยา ดีต่อร่างกาย

ดอกไม้กินได้ 10 เมนูอาหาร ตำหรับไทยโบราณ อาหารจานสร้างสรรค์ อร่อย เป็นยา ดีต่อร่างกาย ช่วยระบบหมุนเวียดโลหิต ธาตุเย็น

ในศาสตร์แห่งการปรุงอาหาร ดอกไม้หลายคนมักคิดว่าใช้เพียงแค่ตกแต่งจานให้สวยงาม เสริมอาหารหลักให้ดูน่ากิน แต่ไม่ค่อยมีใครจะกล้ากินกลีบดอกไม้เท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้ว ดอกไม้ เป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทในวัฒนธรรมอาหารของหลายประเทศ ทั้งในฐานะรสชาติ สมุนไพร และสัญลักษณ์ของฤดูกาล

ดอกไม้กินได้ประเทศไทย คนไทยใช้ดอกไม้ในการประกอบอาหารมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นดอกแคในแกงส้ม ดอกขจรผัดไข่ หรือดอกอัญชันในข้าวแช่ น้ำสมุนไพรดอกอัญชัน กลีบดอกไม่เพียงเพิ่มรสสัมผัส สร้างสีม่วงสดใสให้น่ากิน แต่ยังช่วยดับพิษตามตำรับยาไทย

ญี่ปุ่น มีเมนู ซากุระดอง (Sakura no Shiozuke) ดอกไม้หมักเกลือที่ชาวญี่ปุ่นใช้ในขนมโมจิหรือชงชาดื่ม กลีบดอกซากุระจะถูกเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถันในช่วงเวลาสั้นๆ ของปี แล้วนำมาดองในน้ำเกลือและน้ำส้มบ๊วย (umezu) เพื่อรักษาทั้งสี กลิ่น และรสเปรี้ยวเค็มอ่อนๆ อันเป็นเอกลักษณ์

ดอกซากุระดองนี้นิยมนำมาใช้ในขนมหวานญี่ปุ่น เช่น ซากุระโมจิ (ขนมโมจิห่อใบซากุระ) ขนมวาราบิโมจิหน้าดอกไม้ รวมถึงใช้ลอยหน้าใน ชาเขียวหรือชาใส (ซากุระยู) ซึ่งมักเสิร์ฟในพิธีแต่งงานหรือโอกาสพิเศษ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่งดงาม

ฝรั่งเศส ดอกลาเวนเดอร์ ดอกกุหลาบถูกนำมาใช้ในขนมฝรั่งเศส เช่นมาการองและชีสเค้ก ดอกไม้เหล่านี้ยังเป็นหนึ่งในส่วนผสมของชา กลิ่นหอมละมุนช่วยเพิ่มมิติให้กับรสชาติอาหาร

8 ดอกไม้กินได้ ตำรับไทยโบราณ ในฐานะสมุนไพร เครื่องปรุง บำรุงร่างกาย

ในตำราแพทย์แผนไทย กลีบดอกไม่ใช่แค่ของประดับฟุ่มเฟือย เหี่ยวแล้วทิ้ง แต่เป็นวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติทางยา ตัวอย่างเช่น

1. ดอกอัญชัน: บำรุงสายตา ช่วยให้ผมดกดำ ใช้แต่งสีข้าวและขนมไทย อุดมด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

2. ดอกเข็ม: แก้พิษไข้ตามตำรา ใช้แต่งหน้าขนมเพื่อเพิ่มความขลังในพิธีกรรม

3. ดอกพุด: มีฤทธิ์เย็น แก้ร้อนใน ใช้ประดับอาหารมงคล เช่น ข้าวแช่ หรือของหวานไทย

4. ดอกแคบ้าน: เช่น แกงส้มดอกแค, ดอกแคชุบแป้งทอด หรือลวกจิ้มน้ำพริก ใช้บรรเทาอาการไข้ที่เกิดจากการเปลี่ยนฤดู ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

5. ดอกมะลิ: ใช้ลอยน้ำดื่มให้มีกลิ่นหอมชื่นใจ อบขนมไทยต่างๆ และเป็นส่วนประกอบสำคัญใน “ยาหอม” ตำรับยาไทย

6. บัวหลวง: เกสรตัวผู้ นิยมนำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง ใช้เข้าตำรับยาต่างๆ เช่น ยาหอม และยาลม ช่วยบรรเทาอาการไข้ แก้ลมวิงเวียน ช่วยแก้อาการท้องเสีย

7. ดอกคำฝอย: นิยมนำดอกแก่ที่ตากแห้งแล้วมาชงเป็นชาดื่ม หรือใช้เป็นสีผสมอาหารให้มีสีเหลืองส้ม มีรสหวานอุ่น ช่วยบำรุงเลือด ระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด ขับระดู แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

8. หัวปลี: ส่วนที่เป็นดอกของต้นกล้วย นิยมนำมาปรุงอาหาร เช่น ยำหัวปลี ทานสดกับผัดไทย หรือใส่ในแกงเลียง สารแทนนินในหัวปลีมีส่วนช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร มีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง

8 ดอกไม้กินได้ ในตำรับไทยโบราณ ในฐานะสมุนไพร เครื่องปรุง

อ่านบทความอื่นๆ : 3 เมนูอาหาร ใกล้ตัว ปนเปื้อน “ไมโครพลาสติก” สูงมาก มีคู่ครัวไทย

10 เมนูฟิวชันสุดสร้างสรรค์จาก ดอกไม้กินได้ เมนู Plant-Based ที่ไม่เพียงสวยแต่กินได้จริง

1. ข้าวไรซ์เบอร์รี่อัญชันกับซอสมะม่วงขมิ้นและดอกไม้กินได้

เมนูนี้ดึงเสน่ห์ของสีธรรมชาติจากดอกอัญชัน ผสานรสเปรี้ยวหวานของมะม่วง และกลิ่นหอมของขมิ้นเข้ากับข้าวไรซ์เบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมดอกกินได้หลากสีสันเพื่อเติมเต็มทั้งรสชาติและความงาม

วัตถุดิบ (สำหรับ 2 ที่)

  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
  • น้ำดอกอัญชันเข้มข้น ½ ถ้วย (ใช้อัญชันแห้ง 10 ดอก ต้มกับน้ำร้อน)
  • มะม่วงสุก 1 ผล (ปอกเปลือก หั่นเต๋า)
  • ขมิ้นสด 1 ช้อนชา (ขูดละเอียด)
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้งหรือน้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือเล็กน้อย
  • ดอกไม้กินได้สำหรับตกแต่ง เช่น ดอกดาวเรือง ดอกเข็ม ดอกเฟื่องฟ้า ดอกอัญชันสด อย่างละเล็กน้อย
  • ใบสะระแหน่หรือโหระพาสดเล็กน้อย

วิธีทำ

เตรียมข้าวอัญชัน

  • ซาวข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้สะอาด เติมน้ำดอกอัญชันลงไป (สามารถเติมน้ำเปล่าเพิ่มได้เล็กน้อยให้พอท่วมข้าว)
  • หุงในหม้อหุงข้าวตามปกติ เมื่อสุกจะได้ข้าวสีม่วงเข้ม มีกลิ่นอ่อน ๆ ของดอกอัญชัน

ซอสมะม่วงขมิ้น

  • ใส่มะม่วงหั่นเต๋า ขมิ้นสด น้ำมะนาว น้ำผึ้ง และเกลือ ลงในโถปั่น
  • ปั่นจนเนียนเป็นซอส หากข้นเกินไป ให้เติมน้ำเล็กน้อย
  • ชิมรสให้ได้เปรี้ยวหวานกลมกล่อม

จัดจาน

  • ตักข้าวไรซ์เบอร์รี่อัญชันใส่จาน ราดด้วยซอสมะม่วงขมิ้น
  • ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้สีสันต่าง ๆ จัดเรียงให้สวยงามตามจินตนาการ
  • วางใบสะระแหน่หรือโหระพาเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่น

ข้าวไรซ์เบอร์รี่อัญชันกับซอสมะม่วงขมิ้น

2. ยำดอกไม้สมุนไพร กับน้ำยำมะกรูดสด

เมนูไทยประยุกต์ที่ใช้ดอกไม้ไทยแท้ เช่น ดอกอัญชัน ดอกเข็ม ดอกดาหลา และดอกแค ลวกให้พอสุก แล้วคลุกเคล้ากับน้ำยำรสจัดจ้านจากน้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา (หรือน้ำซีอิ๊วขาวสำหรับเวอร์ชันวีแกน) และน้ำมะกรูดคั้นสด โรยถั่วลิสงคั่วและพริกแห้งทอดเพื่อเพิ่มมิติของรสสัมผัส

วัตถุดิบหลัก

  • ดอกไม้กินได้หลากชนิด 2 ถ้วย
  • น้ำมะกรูด 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา/ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูสับ, ถั่วลิสง, หอมเจียว

3. สลัดผักร็อกเก็ตกับดอกลาเวนเดอร์อบแห้งและถั่วพิสตาชิโอ

เมนูสลัดนี้ผสมผสานกลิ่นหอมหวานของ ลาเวนเดอร์ กับรสขมนุ่มของ ผักร็อกเก็ต และความมันกรุบจาก ถั่วพิสตาชิโอ กลายเป็นจานเรียกน้ำย่อยแสนละเมียด เหมาะกับมื้อเบา ๆ หรือเสิร์ฟเป็นจานแรกในมื้อค่ำสุดพิเศษ

วัตถุดิบ

  • ผักร็อกเก็ต 2 ถ้วย
  • ดอกลาเวนเดอร์อบแห้ง 1 ช้อนชา
  • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
  • พิสตาชิโอคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

เตรียมน้ำสลัด

ใส่น้ำเลมอน น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง เกลือ และพริกไทย ลงในถ้วยเล็ก ใช้ตะกร้อมือเล็ก ๆ หรือส้อมตีให้เข้ากันดี จนน้ำสลัดมีลักษณะข้นเล็กน้อยและกลิ่นหอมสดชื่น

เตรียมจานสลัด

  • ล้างผักร็อกเก็ตให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้งสนิท (แนะนำให้ใช้กระดาษซับน้ำเพื่อให้ไม่เจือจางน้ำสลัด)
  • ใส่ผักลงชามผสมใหญ่
  • โรยถั่วพิสตาชิโอที่บดหยาบไว้
  • ใส่ดอกลาเวนเดอร์อบแห้ง (ควรบดเบา ๆ ด้วยมือก่อน เพื่อกระตุ้นกลิ่นหอม)

คลุกเคล้าและเสิร์ฟ

  • ราดน้ำสลัดที่เตรียมไว้ลงบนผัก
  • คลุกเบา ๆ ให้ทั่วด้วยมือหรือที่คีบสลัด
  • จัดลงจานเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยดอกลาเวนเดอร์เพิ่มอีกนิด และพิสตาชิโอเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม

เคล็ดลับเพิ่มเติม หากต้องการเพิ่มรสชาติหรือความมัน สามารถเสิร์ฟคู่กับชีสวีแกนแบบครีม หรือใส่อะโวคาโดหั่นเต๋า ใช้ลาเวนเดอร์แบบ edible grade เท่านั้น และไม่ควรใส่เยอะเกินไป เพราะกลิ่นอาจแรงจนกลบรสผัก

สลัดผักร็อกเก็ตกับดอกลาเวนเดอร์อบแห้งและถั่วพิสตาชิโอ

4. ซุปเย็นดอกกุหลาบกับอัลมอนด์น้ำนม

เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ผสมกลิ่นหอมของกลีบกุหลาบสดกับความมันของนมอัลมอนด์ ปั่นรวมกับขนมปังฝรั่งเศสและน้ำมันมะกอก เสิร์ฟเย็นพร้อมแตงกวาสับและดอกกุหลาบโรยหน้า

วัตถุดิบ (สำหรับ 2 ที่)

  • น้ำนมอัลมอนด์ 1 ถ้วย (250 มล.) — เลือกชนิดไม่หวาน
  • ดอกกุหลาบอบแห้งเกรดกินได้ (หรือกุหลาบสดปลอดสาร) 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำกุหลาบ (rose water) 1 ช้อนชา
  • น้ำผึ้งหรือเมเปิลไซรัป 1 ช้อนชา (ปรับลด-เพิ่มตามชอบ)
  • เกลือชมพู เล็กน้อย (ประมาณ 1/8 ช้อนชา)
  • อัลมอนด์ขูดหรือบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กลีบกุหลาบสดสำหรับตกแต่งเล็กน้อย
  • น้ำแข็งก้อนเล็กหรือน้ำเย็นจัด สำหรับแช่ซุป

วิธีทำ

เตรียมน้ำนมกลิ่นกุหลาบ

  • ต้มน้ำนมอัลมอนด์ให้พออุ่น ๆ (ไม่ต้องเดือด) แล้วใส่ดอกกุหลาบอบแห้งลงไป
  • ปิดไฟ แล้วปล่อยให้น้ำนมซึมกลิ่นกุหลาบประมาณ 10 นาทีฃ
  • กรองเอาดอกกุหลาบออก เหลือแต่น้ำนมสีชมพูจางและกลิ่นหอมอ่อน ๆ

ปรุงรสซุป

  • ใส่น้ำผึ้ง (หรือเมเปิลไซรัป), น้ำกุหลาบ, เกลือ และอัลมอนด์บดละเอียดลงในน้ำนม
    คนให้เข้ากันดี
  • จากนั้นนำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้ซุปเย็นจัดและรสเข้าที่

จัดเสิร์ฟ

  • เทซุปเย็นลงในถ้วยเสิร์ฟใส
  • โรยหน้าด้วยกลีบกุหลาบสด (ปลอดสาร) และอัลมอนด์สไลซ์เพิ่มเล็กน้อย
  • สามารถวางถ้วยซุปบนถาดน้ำแข็งเพื่อคงความเย็นระหว่างเสิร์ฟ

เคล็ดลับเสริมความละมุน หากอยากให้ซุปมีเนื้อสัมผัสข้นขึ้นเล็กน้อย ให้ใส่กล้วยหอมแช่แข็งลงปั่นพร้อมอัลมอนด์เล็กน้อยก่อนกรอง เปลี่ยนจากน้ำนมอัลมอนด์เป็น “นมแมคคาเดเมีย” หรือ “นมข้าว” ได้เช่นกัน

ทำไมต้องซุปเย็น?

ในวัฒนธรรมอาหารยุโรปตอนใต้ เช่น สเปนหรือฝรั่งเศส ซุปเย็น (cold soup) เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่นิยมในฤดูร้อน ช่วยปลุกประสาทรับรสให้สดชื่นก่อนอาหารจานหลัก และในฉบับนี้ ดอกกุหลาบถูกนำมาแปลงโฉมให้เป็นกลิ่นหอมบำบัดที่กินได้ สะท้อนความงามในจานที่สัมผัสได้ด้วยทั้งตา จมูก และลิ้น

ซุปเย็นดอกกุหลาบกับอัลมอนด์น้ำนม

อ่านบทความอื่นๆ : แพทย์หญิงป่วยมะเร็ง 2 หน เผยเป็นเพราะอาหารเช้าเมนูนี้ หลายคนกินทุกวัน

5. ขนมจีนน้ำยาแกงส้มดอกแค

เมนู “ขนมจีนน้ำยาแกงส้มดอกแค” เป็นอาหารไทยพื้นบ้านที่ผสานความกลมกล่อมของเครื่องแกงส้มกับรสขมนิด ๆ และสัมผัสกรอบนุ่มของ “ดอกแค” ได้อย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับมื้อกลางวันในฤดูหนาวหรือฤดูฝนที่ดอกแคออกดอกชุกชุม และยังให้คุณค่าทางสมุนไพรแก่ร่างกายด้วย

วัตถุดิบ (สำหรับ 3-4 ที่)

สำหรับน้ำแกงส้ม

  • พริกแกงส้ม 2 ช้อนโต๊ะ (ตำเองหรือใช้แบบสำเร็จรูปก็ได้)
  • น้ำสต๊อกปลา/หมู/ไก่ หรือ น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  • เนื้อปลาช่อนนึ่งสุก 150 กรัม (แกะเอาแต่เนื้อ)
  • น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ (ตามชอบ)
  • เกลือ เล็กน้อย

ส่วนผัก

  • ดอกแคเด็ดเอาเกสรออก ล้างสะอาด 1 ถ้วย (ประมาณ 150 กรัม)
  • มะละกอดิบขูดฝอย (ถ้ามี เพิ่มรสสัมผัส) ½ ถ้วย
  • ถั่วฝักยาวหั่นท่อน ½ ถ้วย (ไม่ใส่ก็ได้)

เส้นและเครื่องเคียง

  • ขนมจีนเส้นสด 1 กิโลกรัม
  • ผักสด เช่น ถั่วงอก ใบแมงลัก แตงกวา ไข่ต้ม (ตามชอบ)

วิธีทำ

เตรียมน้ำแกงส้ม

  • ตั้งหม้อ ใส่น้ำสต๊อก (หรือน้ำเปล่า) พอเดือด ใส่พริกแกงส้มลงไปคนให้ละลาย
  • ใส่เนื้อปลาช่อนลงไปต้มจนเดือดอีกครั้ง จากนั้นใช้ทัพพีบดให้เนื้อปลาแตกละเอียดเข้ากับน้ำแกง
  • ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม หวานเล็กน้อย

ลวกผัก

  • ลวกดอกแคในน้ำเดือด (ใส่เกลือเล็กน้อย) ประมาณ 1 นาที แล้วช็อกด้วยน้ำเย็นเพื่อคงความเขียวและไม่ขม
  • ถ้าจะใส่มะละกอหรือถั่วฝักยาว ให้นำลงต้มพร้อมน้ำแกงประมาณ 3-5 นาที

ผสมน้ำยา

  • ใส่ดอกแคที่ลวกแล้วลงไปในน้ำแกง ต้มต่ออีกประมาณ 2 นาที ปิดไฟ

จัดเสิร์ฟ

  • วางขนมจีนลงจาน ราดด้วยน้ำยาแกงส้มดอกแค
  • เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือไข่ต้มตามชอบ

จุดเด่นของเมนูนี้ ดอกแค เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ช่วยลดความร้อนในร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีรสขมนิด ๆ ที่ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ดี น้ำยาแกงส้มสามารถประยุกต์ใช้กับเนื้อสัตว์อื่น เช่น กุ้ง ปลาทูนึ่ง หรือไม่ใส่เนื้อเลยก็ยังได้กลิ่นรสอร่อยครบถ้วนในแบบ Plant-Based

ขนมจีนน้ำยาใส่ดอกแค

6. ขนมปังดอกอัญชันกับครีมมะพร้าวสด

ของหวานสายเฮลตี้ที่ผสมผสานความนุ่มของขนมปังโฮมเมดกับกลิ่นหอมและสีม่วงธรรมชาติจากดอกอัญชัน พร้อมราดด้วยครีมมะพร้าวสดหอมมัน ให้รสละมุนชวนฝัน เหมาะสำหรับเสิร์ฟเป็นของหวาน หรือเป็นของว่างยามบ่ายคู่กับชาไทยหรือชาเขียว

วัตถุดิบ (สำหรับขนมปัง 1 ปอนด์ + ครีมราด)

ส่วนผสมขนมปังดอกอัญชัน

  • แป้งขนมปัง 250 กรัม
  • น้ำอัญชันเข้มข้น (จากดอกอัญชันสดหรือตากแห้ง) 150 มล.
  • ยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมครีมมะพร้าวสด

  • หัวกะทิสด 200 มล.
  • น้ำตาลมะพร้าว 1½ ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ เล็กน้อย
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ)
  • ใบเตย 2 ใบ (มัดเป็นปม)

วิธีทำ

ทำขนมปังดอกอัญชัน

  • เตรียมน้ำอัญชัน
  • ต้มดอกอัญชัน 10–15 ดอกในน้ำประมาณ 200 มล. พอเดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ ทิ้งไว้ให้เย็น

ผสมแป้ง

  • ร่อนแป้งใส่อ่างผสม เติมยีสต์ น้ำตาล และเกลือลงไป คนให้เข้ากัน
  • ค่อย ๆ เติมน้ำอัญชันลงไปทีละน้อย ขณะนวดแป้ง ใส่น้ำมันลงตอนท้ายแล้วนวดต่ออีก 10–15 นาที จนแป้งเนียนไม่ติดมือ

พักแป้ง

ปิดอ่างด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ พักแป้งไว้ประมาณ 1–1.5 ชั่วโมง หรือจนขึ้นฟูเป็น 2 เท่า

ขึ้นรูป-อบ

  • นำแป้งมาชกไล่ลม แล้วขึ้นรูปใส่พิมพ์ พักไว้ 30 นาที
  • อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 25–30 นาที หรือจนสุกและผิวเหลืองหอม

ทำครีมมะพร้าวสด

  • เทหัวกะทิใส่หม้อ ใส่น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และใบเตย
  • ยกขึ้นตั้งไฟกลาง เคี่ยวจนกะทิเริ่มเดือด
  • เติมแป้งข้าวเจ้าที่ละลายน้ำไว้ลงไป คนให้เหนียวข้นเป็นครีม
  • ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นลงเล็กน้อยก่อนราด

เสิร์ฟ

  • หั่นขนมปังเป็นแผ่นหนา
  • ราดครีมมะพร้าวสดอุ่น ๆ หรือแช่เย็นลงไป
  • แต่งจานด้วยกลีบดอกอัญชันสด มะพร้าวขูด หรือถั่วแมคคาเดเมียบดหยาบ

จุดเด่นของเมนูนี้ ดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานินสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระและบำรุงสายตา ขนมปังมีสีฟ้าม่วงจากธรรมชาติ ไม่มีสีผสมอาหาร ครีมมะพร้าวสดให้รสหวานละมุนโดยไม่ต้องพึ่งนมวัว เหมาะกับผู้กิน Plant-Based หรือผู้แพ้นม

ขนมปังดอกอัญชันกับครีมมะพร้าวสด

7. พิซซ่าดอกไม้กับซอสพริกหวาน

ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของอาหารจานด่วนที่เราคุ้นเคยอย่างพิซซ่า ให้กลายเป็นเมนูที่สวยงาม สดใส เป็นมิตรกับสุขภาพ โดยใช้ดอกไม้กินได้ หลากหลายชนิดแทนหน้าพิซซ่าปกติ ผสมผสานกับซอสพริกหวานโฮมเมดที่มีรสเผ็ดอมหวาน ทำให้เมนูนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาย Plant-Based และคนรักอาหารที่มีความงามเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติ

วัตถุดิบ (สำหรับพิซซ่าขนาด 10 นิ้ว 1 ถาด)

ส่วนผสมแป้งพิซซ่า

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
  • ยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น 150 มล.
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมซอสพริกหวาน

  • พริกหวานแดงหั่นเต๋า 1 ลูก
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะฃ
  • น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ เล็กน้อย
  • น้ำเปล่า 2–3 ช้อนโต๊ะ

ดอกไม้กินได้สำหรับหน้า

  • ดอกอัญชัน
  • ดอกแคบ้าน
  • หัวปลี
  • ดอกเข็ม
  • ดอกกระเจียว (ฉีกกลีบ)
  • ถั่วลันเตาหวานหั่นเฉียง หรือผักสลัดใบอ่อนเสริมสีเขียว

วิธีทำ

เตรียมแป้งพิซซ่า

  • ละลายน้ำตาลกับยีสต์ในน้ำอุ่น พักไว้ 10 นาทีให้เกิดฟอง
  • เทแป้งลงในอ่าง ใส่เกลือ คนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมน้ำยีสต์
  • นวดจนแป้งเนียน นุ่ม และไม่ติดมือ
  • คลุมด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ พักไว้ 1 ชั่วโมงจนขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
  • รีดแป้งให้เป็นแผ่นกลมหนา 0.5 ซม. วางบนถาดที่ทาแป้งหรือน้ำมันไว้

ทำซอสพริกหวาน

  • ผัดกระเทียมกับน้ำมันเล็กน้อย ใส่พริกหวานลงไปผัดจนสุก
  • เติมน้ำส้ม น้ำผึ้ง และเกลือ เคี่ยวให้ข้น
  • ปั่นให้เนียนเป็นซอส หรือตีด้วยเครื่องปั่นมือถือ พักไว้

ประกอบพิซซ่า

  • ทาซอสพริกหวานให้ทั่วแป้ง
  • โรยถั่วลันเตาหวานหรือผักใบเขียว
  • วางกลีบดอกไม้ให้กระจายอย่างสวยงามทั่วหน้า
  • ราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อยด้านบน

อบ

  • นำเข้าเตาอบ 200°C ประมาณ 12–15 นาที หรือจนแป้งขอบกรอบ
  • เสิร์ฟร้อนหรืออุ่น ๆ พร้อมเครื่องดื่มเย็น

พิซซาหน้าดอกไม้

8. ข้าวตอกน้ำกุหลาบโบราณ

ของหวานไทยในตำนาน สื่อถึงความประณีตของวัฒนธรรมการกินในอดีต เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่ซับซ้อนในกลิ่น รส สัมผัส ใช้วัตถุดิบหลักคือ ข้าวตอก หรือข้าวที่คั่วและดีดให้แตกกรอบ นำมาแช่ใน น้ำลอยดอกไม้ อย่างดอกกุหลาบมอญ พร้อมสมุนไพรหอมเย็น เช่น กระดังงาและมะลิ เป็นเมนูที่นิยมรับประทานในหน้าร้อน หรือใช้ต้อนรับแขกผู้ใหญ่ในงานพิธี

วัตถุดิบ (สำหรับเสิร์ฟ 2 ถ้วย)

ข้าวตอกคั่ว ½ ถ้วยตวง

น้ำสะอาด 1 ลิตร

ดอกกุหลาบมอญสด (ปลอดสาร) 3 ดอก

ดอกมะลิสด 10 ดอก

ดอกกระดังงา (หรือใบเตยหอม) 3 กลีบ

เทียนอบสำหรับรมกลิ่น (เทียนอบไทย) 1 เล่ม

น้ำเชื่อมจากน้ำตาลทราย ¼ ถ้วย (หรือปรับตามชอบ)

น้ำแข็งบด (ใส่ตอนเสิร์ฟ)

วิธีทำ

เตรียมน้ำอบลอยดอกไม้

  • ต้มน้ำสะอาดให้เดือดแล้วพักไว้ให้เย็น
  • ใส่ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ และกระดังงาในโถที่ปิดสนิทได้
  • วางเทียนอบจุดไฟไว้ที่ปากโถ (ระวังไฟ) แล้วปิดฝาทันทีเพื่อให้กลิ่นควันเทียนรมเข้าไปในน้ำ
  • ทิ้งไว้ข้ามคืน น้ำจะมีกลิ่นหอมแบบโบราณ

เตรียมข้าวตอก

  • ใช้ข้าวเหนียวเก่า นำไปคั่วบนกระทะแห้งจนแตกเป็นข้าวตอก
  • ใส่ตะแกรงเขี่ยเศษข้าวที่ไหม้ออก ให้ได้แต่เม็ดที่สวยและกรอบ
  • ล้างเบา ๆ เพื่อขจัดฝุ่น แล้วตากให้แห้งสนิท

ประกอบเมนู

  • ผสมน้ำอบลอยดอกไม้กับน้ำเชื่อมตามชอบ
  • ใส่น้ำแข็งบดในถ้วย
  • โรยข้าวตอกลงไปตามชอบ แล้วเทน้ำหอมลงไปจนเต็มถ้วย
  • แต่งหน้าด้วยกลีบดอกไม้บางเบาเพื่อเพิ่มความหรูหรา

9. ดอกไม้ชุบแป้งทอด กับ ซอสโยเกิร์ตถั่วลันเตา

จับคู่ระหว่างความกรอบหอมของดอกไม้กินได้ที่นำไปชุบแป้งแล้วทอด กับซอสโยเกิร์ตถั่วลันเตาเนื้อเนียนนุ่มที่มีรสเปรี้ยวสดชื่นแบบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนู Plant-Based ที่ให้สัมผัสหลากหลายทั้งกลิ่น รส และเนื้อสัมผัส เหมาะสำหรับเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย หรือจัดใส่จานรวมในเมนูฟิวชันสมัยใหม่

วัตถุดิบ (สำหรับ 2-3 ที่)

ดอกไม้ชุบแป้งทอด

  • ดอกอัญชัน, ดอกโสน, ดอกเข็ม หรือดอกเฟื่องฟ้า (ที่กินได้) รวมกัน 1 ถ้วย
  • แป้งทอดกรอบ ½ ถ้วย
  • น้ำเย็นจัด ⅓ ถ้วย
  • เกลือเล็กน้อย
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด

ซอสโยเกิร์ตถั่วลันเตา

  • ถั่วลันเตาต้มสุก ½ ถ้วย
  • โยเกิร์ตแบบ Plant-Based (เช่นจากมะพร้าวหรืออัลมอนด์) ½ ถ้วย
  • น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมบด 1 กลีบ
  • เกลือและพริกไทยเล็กน้อย
  • ใบมิ้นต์สดเล็กน้อย (ถ้ามี)

วิธีทำ

ดอกไม้ชุบแป้งทอด

  • ล้างดอกไม้ให้สะอาดเด็ดเอาเฉพาะกลีบหรือส่วนที่รับประทานได้ แล้วผึ่งให้แห้ง
  • ผสมแป้งทอดกรอบกับเกลือ และเติมน้ำเย็นจัดลงไป คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อข้น
  • ตั้งน้ำมันให้ร้อน (180°C) นำดอกไม้ชุบแป้งลงทอดให้เหลืองกรอบ
  • ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน

ซอสโยเกิร์ตถั่วลันเตา

  • นำถั่วลันเตาต้มสุก โยเกิร์ต น้ำเลมอน กระเทียม และใบมิ้นต์ใส่เครื่องปั่น
  • ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ
  • แช่เย็นให้ซอสเซตตัวเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟอย่างไรให้น่ากิน

  • จัดดอกไม้ทอดบนจานแบบเรียงชั้น หรือเสียบไม้เล็ก ๆ ก็ได้
  • เสิร์ฟพร้อมถ้วยซอสเย็นข้างจาน หรือราดเบา ๆ บนดอกไม้ทอด
  • ตกแต่งด้วยถั่วลันเตาสด มะเขือเทศเชอร์รีผ่าครึ่ง และใบสมุนไพรเล็กน้อย

10. ซากุระชาเย็นกับน้ำเชื่อมบ๊วย

เครื่องดื่มเย็นสไตล์ฟิวชันที่ผสมผสานกลิ่นหอมอ่อนหวานของดอกซากุระหมักเกลือจากญี่ปุ่น เข้ากับความเปรี้ยวหวานซ่อนเค็มของน้ำเชื่อมบ๊วยแบบไทย ๆ ให้รสชาติที่ซับซ้อน นุ่มลึก ดื่มแล้วสดชื่น เหมาะกับฤดูร้อนหรือเสิร์ฟในช่วงบ่ายระหว่างมื้อ เป็นการจับคู่ของดอกไม้กับผลไม้หมักอย่างลงตัว และยังถ่ายรูปออกมาสวยงามอีกด้วย

วัตถุดิบ (สำหรับ 2 แก้ว)

  • ดอกซากุระดองเกลือ (Sakura no Shiozuke) 2-3 ดอก
  • น้ำร้อน 1 ถ้วย (250 มล.)
  • ใบชาเขียวเซนฉะ หรือชาเขียวญี่ปุ่นชนิดอื่น 1 ช้อนชา (หรือใช้ถุงชาก็ได้)
  • น้ำแข็งก้อนตามชอบ
  • น้ำเชื่อมบ๊วย 3 ช้อนโต๊ะ
  • บ๊วยดอง 1-2 ผล (ถ้ามี)
  • น้ำเปล่าเล็กน้อย (สำหรับแช่ล้างดอกซากุระ)
  • ดอกไม้กินได้หรือลูกพลัมสด (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ

เตรียมดอกซากุระ

  • ล้างเกลือออกจากดอกซากุระดองด้วยน้ำเย็น 1 รอบ แล้วแช่น้ำไว้ 10 นาที เพื่อให้รสชาติเกลือเบาลง
    สะเด็ดน้ำแล้วผึ่งไว้

ชงชา

  • ต้มน้ำให้ร้อนประมาณ 80°C แล้วนำใบชาเขียวลงแช่ 2-3 นาที กรองเอาแต่น้ำชา
  • พักชาไว้จนเย็น จากนั้นนำไปแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็งทันที

ผสมน้ำเชื่อมบ๊วย

  • ผสมน้ำเชื่อมบ๊วยกับน้ำเปล่านิดหน่อย เพื่อให้เจือจางพอเหมาะ
  • เทใส่แก้วตามชอบ แล้วเติมน้ำแข็งลงไป

จัดเสิร์ฟ

  • เทชาเขียวเย็นลงในแก้วน้ำเชื่อมบ๊วยอย่างช้า ๆ ให้เกิดเป็นชั้นสี
  • ใส่ดอกซากุระลอยด้านบน พร้อมบ๊วยดอง และตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้หรือลูกพลัม
  • เสิร์ฟพร้อมช้อนคนให้กลิ่นและรสชาติเข้ากันก่อนดื่ม

แม้ ดอกไม้กินได้ จะงดงาม เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในงานอาหาร แต่ก็ต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงสำคัญว่า ไม่ใช่ดอกไม้ทุกชนิดจะปลอดภัยสำหรับการกิน บางสายพันธุ์แม้จะดูสวยสะดุดตา แต่กลับมีสารพิษที่ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย หรือผ่านกระบวนการเพาะปลูกที่ใช้สารเคมีตกค้างสูงโดยไม่ได้เตรียมไว้เพื่อการกิน

ผู้บริโภคจึงควรใส่ใจเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่ผลิต “ดอกไม้เพื่อการบริโภค” โดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อจากร้านดอกไม้ทั่วไป หรือเก็บจากข้างทาง เพราะอาจปนเปื้อนยาฆ่าแมลงหรือมลพิษในอากาศ ควรตรวจสอบชื่อและสายพันธุ์ของดอกไม้ให้แน่ชัด และศึกษาให้เข้าใจว่าแต่ละชนิดควรรับประทานแบบใด หรือมีข้อควรระวังอย่างไร

การกินดอกไม้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยหรือรสชาติ แต่คือความรู้และความรับผิดชอบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในทุกคำที่เรากินนั้น เราได้ “รู้จัก” ดอกไม้ดีพอแล้วหรือยัง

อ่านบทความอื่นๆ : 10 เมนูอาหารเย็น กินแล้วไม่อ้วน อิ่มท้องแถมแคลอรี่ต่ำ ถูกใจสายลดน้ำหนัก

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx