รู้จัก ช่องแคบฮอร์มุซ เส้นเลือดหลักส่งน้ำมัน ถ้าอิหร่านปิดจริง พินาศ น้ำมันแพงทั้งโลก

รู้จัก ช่องแคบฮอร์มุซ อยู่ตรงไหน สำคัญอย่างไร สภาอิหร่าน ไฟเขียวอนุมัติ ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางขนส่งน้ำมันโลก ส่อดันราคาน้ำมันพุ่ง สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนกดดันอิหร่าน ล้มแผน
รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ออกมาเรียกร้องต่อจีนให้ใช้อิทธิพลกดดันอิหร่าน ไม่ให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญในการขนส่งน้ำมันดิบของโลก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของการบริโภคน้ำมันทั่วโลก
รูบิโอกล่าวผ่านการสัมภาษณ์ในรายการของสถานีโทรทัศน์ Fox News ว่า “ผมอยากให้รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งโทรไปคุยกับอิหร่าน เพราะจีนเองก็พึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซอย่างมากในการนำเข้าน้ำมัน” พร้อมระบุว่าการกระทำดังกล่าวของอิหร่านจะเป็น “การฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ”
อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ จีนคือลูกค้าน้ำมันเบอร์ 1
ความตึงเครียดเกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตี 3 โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายฮอสเซน อาเมียร์-อับดุลลาฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านประกาศว่า “อิหร่านขอสงวนสิทธิ์ทุกทางเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ”
ขณะเดียวกัน สื่อของรัฐในอิหร่านรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรอิหร่านให้การสนับสนุนแนวคิดปิดช่องแคบฮอร์มุซแล้ว โดยอ้างคำพูดของสมาชิกอาวุโส อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังอยู่ภายใต้การพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาติของประเทศ
จีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของน้ำมันอิหร่าน ซื้อไปกว่า 1.84 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนที่ผ่านมา หรือราวครึ่งหนึ่งของน้ำมันดิบที่จีนขนส่งทางทะเลมาจากอ่าวเปอร์เซีย
ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ หากอิหร่านปิดช่องแคบจริง
หากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซจริง นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และ บริษัท ราปิดาน เอเนอร์ยี คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจทะยานขึ้นเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลทันที
ด้าน เจพีมอแกน ให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงที่อิหร่านจะปิดช่องแคบนั้นมีไม่มากนัก เนื่องจากสหรัฐฯ จะมองว่าเป็นการประกาศสงครามโดยตรง และอาจตอบโต้ด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด
มาร์ค สมิธ หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมันของ Kpler ระบุว่า “หากอิหร่านปิดช่องแคบจริง ก็เท่ากับตัดช่องทางส่งออกน้ำมันของตัวเองสู่จีน ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ นี่จะเป็นบาดแผลที่อิหร่านก่อกับตัวเอง”
กองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ ซึ่งประจำการอยู่ที่บาห์เรน มีภารกิจหลักในการคุ้มครองเส้นทางเดินเรือในอ่าวเปอร์เซีย โดยทั่วไปตลาดน้ำมันเชื่อว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ จะสามารถจัดการกับการปิดช่องแคบฮอร์มุซได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
แต่ บ็อบ แมคนัลลี อดีตที่ปรึกษาด้านพลังงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ออกมาเตือนว่า “การขัดขวางการเดินเรือผ่านช่องแคบอาจยืดเยื้อเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งตลาดโลกยังไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงตรงจุดนี้”

แมคนัลลีกล่าวกับ CNBC ว่า “แม้สุดท้ายสหรัฐฯ จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่เส้นทางนั้นจะไม่ง่ายเลย”
ความเคลื่อนไหวของอิหร่านหลังถูกสหรัฐฯ ถล่มโรงงานนิวเคลียร์ ยังคงน่าจับตา โดยเฉพาะหากมีการตอบโต้ผ่านช่องทางอื่น เช่น การใช้กองกำลังติดอาวุธในอิรัก เยเมน หรือการวางทุ่นระเบิดในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบการค้าโลกและความมั่นคงพลังงานโดยรวม
ทั้งนี้ รูบิโอย้ำว่า “หากอิหร่านดำเนินการปิดช่องแคบจริง จะเป็นการยั่วยุที่อาจนำไปสู่การตอบโต้ไม่เพียงแต่จากสหรัฐฯ เท่านั้น แต่จากชาติพันธมิตรอื่น ๆ ทั่วโลกด้วย”
รู้จัก ช่องแคบฮอร์มุซ เส้นเลือดใหญ่ขนส่งน้ำมันโลก
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นช่องแคบเชื่อมระหว่างอ่าวโอมานทางตะวันออกเฉียงใต้ กับอ่าวเปอร์เซีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 167 กิโลเมตร กว้างที่แคบที่สุดประมาณ 54 กิโลเมตร ฝั่งเหนือของช่องแคบเป็นประเทศอิหร่าน ส่วนฝั่งใต้เป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแหลมมุซันดัมของโอมาน ในบางจุด ช่องแคบนี้มีความลึกถึงกว่า 200 เมตร ทำให้สามารถเดินเรือขนาดใหญ่ผ่านได้โดยไม่ยากเย็นนัก ช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางออกทางทะเลหลักของอ่าวเปอร์เซียและถือเป็นช่องทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นฉากหลังสมรภูมิรบในหลายสงครามสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำมันในตะวันออกกลาง
สงครามอิหร่าน–อิรัก (1980–1988)
ในช่วงสงครามทั้งสองฝ่ายเปิดฉากโจมตีเรือพาณิชย์ในช่องแคบอย่างหนัก เรียกกันว่า “สงครามแท็งก์น้ำมัน” ตั้งแต่ปลายปี 1980 จอมพลซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรักประกาศเขตสงครามบริเวณชายฝั่งอิหร่าน และเริ่มใช้ตอร์ปิโดและมิสไซล์โจมตีเรือส่งออกน้ำมันของอิหร่านหลายลำ
จากนั้นช่วงปี 1984 อิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีเรือพาณิชย์ของประเทศพันธมิตรอิรักหลายต่อหลายครั้ง การโจมตีที่รุนแรงทำให้ประเทศอาหรับอื่น ๆ ได้แก่ กาตาร์และคูเวต เรียกให้สหรัฐฯ เข้ามาคุ้มครองทางทะเล สหรัฐฯ จึงรีแฟล็กกิ้ง (Re-flag) เรือคูเวตเป็นเรือธงสหรัฐฯ และส่งกองเรือรบปกป้องตลอดเส้นทางขนส่งน้ำมัน
ผลจากเหตุการณ์เหล่านี้ราคาน้ำมันเคยกระเตื้องสูงขึ้นในระยะสั้น แต่โดยรวมตลาดน้ำมันปรับตัวและสงครามสิ้นสุดลงโดยไม่ปิดกั้นช่องแคบอย่างถาวร
ปฏิบัติการ Praying Mantis (1988)
ในวันที่ 18 เมษายน 1988 สหรัฐฯ ตอบโต้การถูกทิ้งระเบิดใส่เรือพิฆาต USS Samuel B. Roberts ด้วยการโจมตีฐานทัพเรืออิหร่านในเปอร์เซียกัลฟ์เป็นการใหญ่นับเป็นการรบในปีสุดท้ายของสงครามอิหร่าน–อิรัก สหรัฐฯ โจมตีทำลายเรือรบอิหร่านหลายลำ โดยระบุว่าเป็นการป้องกันไม่ให้อิหร่านปฏิบัติการในช่องแคบเพิ่มเติม
จับเรือบรรทุกน้ำมัน (ค.ศ. 2000s–ปัจจุบัน)
หลังยุคสงครามเย็น ช่องแคบฮอร์มุซยังคงเป็นเวทีของเหตุการณ์ตึงเครียดเรื่อยมา เช่น ในเดือนกรกฎาคม 2019 เรือบรรทุกน้ำมัน Stena Impero สัญชาติสหราชอาณาจักร ถูกกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านยึดขณะแล่นผ่านช่องแคบอ้างว่าละเมิดกฎทางทะเล
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังอังกฤษยึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านนอกชายฝั่งยิบรอลตาร์ (สงสัยว่าขนส่งน้ำมันไปซีเรีย) ทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งตึงเครียด
ในเดือนเมษายน 2023 กองทัพอิหร่านยังกระทำการยึดเรือขนส่งน้ำมันดิบ Advantage Sweet ซึ่งมีเชฟรอนเช่าใช้ ขณะแล่นในทะเลโอมาน
อิหร่านถือหมากเหนือช่องแคบ
: อิหร่านถือครองเกาะสำคัญในช่องแคบหลายแห่ง เช่น เกาะอาบูมุซา เกาะตูนับใหญ่และเล็ก (Abu Musa, Greater/Lesser Tunb) ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แย้งสิทธิ์บนเกาะเหล่านี้
การมีกองทัพเรืออิหร่านประจำเกาะเหล่านี้ทำให้อิหร่านมีอำนาจควบคุมเส้นทางเดินเรือตรงช่องแคบ นอกจากนี้ อิหร่านยังมีฐานทัพเรือและปฏิบัติการได้สะดวกจากท่าเรือใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศ (เช่น Bandar Abbas) ทำให้ยิ่งเสริมอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาค
สหรัฐฯ นำโดยกองทัพเรือฝั่งตะวันออกกลาง (Fifth Fleet) ประจำอยู่ในบาห์เรน พร้อมร่วมกับกองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติพันธมิตรคอยรักษาการสัญจรในช่องแคบอย่างต่อเนื่อง พวกเขาปฏิเสธสิทธิ์ของอิหร่านที่จะปิดกั้นเส้นทาง และยืนยันสิทธิการเดินเรือเสรีตามกฎหมายสากลอยู่เสมอ
นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่าการปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซโดยอิหร่านมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย เนื่องจากการต้านตอบจากกองกำลังนานาชาติที่มีอยู่หนาแน่น
อีกด้าน อิหร่านมักใช้การข่มขู่ปิดกั้นเป็นตัวต่อรองทางการทูตมากกว่า การจะลงมือปิดจริงจะกระทบต่อเศรษฐกิจตัวเอง (กว่าร้อยละ 90 ของการส่งออกน้ำมันอิหร่านผ่านช่องแคบนี้)
ช่องแคบนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของพลังงานโลกโดยเฉพาะต่อภูมิภาคเอเชียและตะวันตก โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่นำเข้าน้ำมันจำนวนมากผ่านช่องแคบนี้ องค์การพลังงานสากล (IEA) เคยเตือนว่าหากมีการปิดกั้นช่องแคบ ความผันผวนในตลาดน้ำมันโลกจะรุนแรงมาก ล่าสุด ที่สหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายในอิหร่านและกระแสข่าวการปิดช่องแคบส่งผลให้ราคาน้ำมันล่วงหน้าพุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 10% ในเวลาสั้นๆ
โลกจะพินาสอย่างไร หากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ สำเร็จ
ปัจจุบันมีการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซเฉลี่ยประมาณ 20.3 ล้าน บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นประมาณ 20% ของการค้าน้ำมันทั่วโลก ช่องแคบนี้ยังเป็นเส้นทางหลักสำหรับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของโลกราว 1 ใน 3 คิดเป็นประมาณ 290 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
น้ำมันที่ขนส่งผ่านช่องแคบส่วนใหญ่เป็นของประเทศผู้ส่งออกในอ่าวเปอร์เซีย เช่น ซาอุดีอาระเบีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ อิหร่าน และคูเวต ปลายทางหลักของน้ำมันเหล่านี้เป็นตลาดเอเชียเป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดราว 82% ของน้ำมันผ่านช่องแคบได้ไปถึงประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อินเดีย ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ประมาณ 90% ของความต้องการทั้งหมด ก็พึ่งพาน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียถึงกว่า 40% ซึ่งส่วนใหญ่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
การปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซจะขาดแหล่งขนส่งน้ำมันหลักของโลกทันที ส่งผลให้อุปทานระหว่างประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีท่อส่งน้ำมันสายสำคัญทางเลือก เช่น ท่อน้ำมัน East-West Pipeline ข้ามซาอุดีอาระเบีย (ความจุชื่อ 5 ล้าน บาร์เรล/วัน ปัจจุบันใช้งานจริงประมาณ 2 ล้าน) และท่อส่งน้ำมันจากอาบูดาบีไปยังท่าเรือฟูไจราห์ (ความจุ 1.5 ล้าน บาร์เรล/วัน)
แต่ความจุรวมของท่อทางเลือกทั้งหมดยังต่ำกว่าปริมาณที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซอย่างมาก. ผลคือถ้ามีการปิดกั้น ตลาดน้ำมันโลกคาดว่าจะต้องหาแหล่งใหม่ เช่น เพิ่มการส่งออกจากอเมริกา รัสเซีย แอฟริกาตะวันตกหรือละตินอเมริกาซึ่งใช้เส้นทางอื่น และอาจต้องผ่านการลนทางไกลขึ้น (เช่น ผ่านคลองสุเอซหรือช่องแคบมะละกา) ซึ่งทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น. ทั้งนี้ แม้จะมีทางเลือก แต่การจัดหาแทนเต็มจำนวนทันทีเป็นเรื่องยาก จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงในช่วงแรก
ทันทีที่ช่องแคบถูกปิดกั้น เกิดความกังวลว่าน้ำมันจากแหล่งหลักจะหายไป ครั้นนั้นราคาน้ำมันโลกจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์จาก Citigroup คาดการณ์ว่าราคาเบรนท์อาจแตะราว 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากปิดกั้นนาน
ในความเป็นจริง ความตึงเครียดครั้งล่าสุด ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ในช่วงไม่กี่วันหลังเกิดความขัดแย้ง แต่บทวิเคราะห์บางสำนัก (เช่น Breakingviews ของ Reuters) เตือนว่าผลกระทบดังกล่าวอาจอยู่ในช่วงสั้นๆ เพราะตลาดและประเทศผู้ผลิตจะปรับตัวหาแหล่งอื่นๆ โดยเร็ว ประวัติศาสตร์สงครามแท็งก์น้ำมันในทศวรรษ 1980 ก็แสดงว่าตลาดสามารถปรับตัวแม้น้ำมันพุ่งขึ้นชั่วคราว (อิหร่านถึงกับลดราคาขายเพื่อชดเชยการขึ้นเบี้ยประกัน) ทำให้ราคาน้ำมันโลกไม่พุ่งสูงต่อเนื่องในระยะยาว
ประเทศผู้นำเข้าเชื้อเพลิงจำนวนมาก (เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย) จะรู้สึกเสี่ยงสูง อินเดียซึ่งพึ่งพาน้ำมันจากตะวันออกกลางมากกว่า 40% ต้องเพิ่มความพยายามหาแหล่งพลังงานทางเลือก. หลังเกิดความตึงเครียดในปัจจุบัน อินเดียได้เพิ่มสัดส่วนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเป็นกว่า 2.2 ล้าน บาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน 2025 (สูงกว่าน้ำมันที่นำเข้ารวมจากอิรัก ซาอุฯ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมาณ 2 ล้าน บาร์เรล/วัน) อินเดียยังเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ ขึ้นมาก (เพิ่มจาก 0.28 เป็น 0.439 ล้าน บาร์เรล/วันภายในเดือนนั้น)
หลังจากนี้ คาดการณ์ว่า ประเทศต่างๆ กำลังกระจายความเสี่ยงโดยขยายตลาดนอกภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ส่วนยุโรปและอเมริกาก็ปรับตารางจัดหาน้ำมัน-ก๊าซจากสถานที่อื่นๆ เช่น แอฟริกาตะวันตก อเมริกาใต้ หรือทำสัญญาล่วงหน้ากับผู้ผลิตอเมริกามากขึ้น เพื่อรักษาความมั่นคงพลังงานภายในประเทศ
ตลาดน้ำมันโลกในภาพรวมมักตอบสนองต่อการบิดเบือนด้วยการปรับสมดุลใหม่ ผู้ค้าปลีกน้ำมันและโอเปกอาจเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนอื่นๆ หากราคาสูงขึ้นมากในระยะสั้น ผู้บริโภคในบางประเทศต้องแบกรับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ในระยะยาว ราคาน้ำมันมักจะปรับลงเมื่อความตื่นตระหนกคลี่คลายและอุปทานรองรับได้. บทวิเคราะห์ของ Reuters ให้ความเห็นว่า แม้การปิดกั้นจะก่อให้เกิดการฉุกเฉินด้านพลังงาน (กระตุ้นให้ราคาสูงทันที) แต่โดยภาพรวม ตลาดโลกยังสามารถปรับตัวและบรรเทาผลกระทบได้ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่ปัญหายังอยู่ ราคาน้ำมันที่สูงจะเพิ่มต้นทุนเชื้อเพลิงทั่วโลก กดดันภาคขนส่งและอุตสาหกรรมนำเข้าเชื้อเพลิงหนักเป็นพิเศษ ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้บ้างหากสถานการณ์ยืดเยื้อ.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “สหรัฐฯ” ร้อง “จีน” คุย “อิหร่าน” เลี่ยงปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางส่งน้ำมันสำคัญ
- สหรัฐฯ ถล่มแหล่งนิวเคลียร์ ของอิหร่าน พังราบ เตือนไม่เข็ด จะตามถล่มต่อ
- อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอล ขีปนาวุธถล่มรพ.-ย่านที่พักอาศัย บาดเจ็บกว่า 40 ราย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: